โชคใหญ่ที่จะพลิกชีวิตคนนั้น จะมาได้อย่างไรกัน
ธรรมะที่จะกล่าวในวันนี้ เป็นธรรมะที่จะแก้ปัญหาในปัจจุบัน การที่จะทำให้ตนเองมีโชคลาภนั้น แบบให้มาทันการณ์ทันเวลาที่ต้องการ ก่อนอื่นต้องเข้าใจเสียก่อนว่า โชคลาภที่ได้นั้นจะต้องมาจากเหตุเสียก่อน เพราะผลนั้นจะออกมาอย่างไรต้องมีเหตุ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพ้อพกแต่อย่างใด ถ้าเราเคยหว่านอะไรต้องได้ผลตามนั้นเสมอ ปลูกข้าวต้องได้ข้าว ปลูกกล้วยต้องได้กล้วย ทำดีต้องได้ดี ทำชั่วต้องได้ชั่ว ไม่มีการสลับผลลัพธ์กันแน่นอน เรื่องนี้เป็นกฎแห่งกรรม ซึ่งพระพุทธเจ้าไม่ได้ตั้งขึ้นมาเอง เป็นกฎธรรมชาติกฎหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบขึ้นมาและนำมาสั่งสอนให้เหล่าสรรพสัตว์ได้ทราบที่มาทั้งหมดในชีวิต
แต่การที่ผลนั้นจะเกิดผลดีแค่ไหนนั้นอยู่ที่เราดูแล รักษาดูแลอย่างไร ตั้งใจ มีเจตนาที่ดี มีปัจจัยด้วยเช่นกันแล้วโชคลาภ โชคใหญ่ที่จะพลิกชีวิตคนนั้น จะมาได้อย่างไรกัน ลองพิจารณาดูก่อนเราจะได้เข้าใจทั้งหมด คำว่า โชค นั้นจริงๆ แล้วเป็นคำกลางๆ ในความหมายที่แท้จริงครอบคลุมไปหลายเรื่อง แต่คนไทยนั้นพอพูดถึงโชคมักจะหมายถึงสิ่งดีๆ เสมอ ซึ่งในความจริงหมายถึง สิ่งที่ได้มาที่ทำให้คนที่ได้รับนั้นมีความสุขมากขึ้นหรือทุกข์มากขึ้นอยู่ที่ว่าโชคนั้นจะอยู่ในฝั่งไหน ฝั่งดีหรือฝั่งร้ายมาจากกรรมดีหรือกรรมไม่ดี
แต่ที่สำคัญไม่ว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตนั้นจะเป็นวัตถุ เงินทอง โอกาสต่างๆ ต้องมาจากการลงมือทำทั้งนั้น มีคนไปถามว่า "โชค" หมายถึงอะไร กับพระสงฆ์ท่านหนึ่งที่มีชื่อเสียงมากในการเทศน์ ที่นำคนสู่แสงสว่างแห่งชีวิต ท่านตอบว่า โชคของอาตมาคือ จุดบรรจบกันระหว่างความพร้อมและโอกาส ซึ่งท่านเสริมให้ชัดขึ้นในเวลาต่อมาโดยเฉลยว่า ท่านเตรียมความพร้อมมาเป็นเวลา 6-7 ปี เมื่อโอกาสมาท่านก็พร้อมที่จะรับโชคนั้น
โชคดีในชีวิตนั้นต้องสร้างขึ้นเองด้วยมือสองข้างมาจากการทำงานหนัก และแสวงหาโอกาส แสวงหาโชคอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ได้นั่งรอให้โชควิ่งเข้ามาหา แต่เขาวิ่งไปหาโชคหาโอกาสดีๆ ในชีวิตทุกวัน เศรษฐีส่วนใหญ่มักจะมองเห็นเป้าหมายของตัวเองว่า “อยากจะทำอะไร” เราต้องยอมรับความจริงก่อนว่า ความร่ำรวย ที่เกิดขึ้นมานั้นไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ
โชคและวาสนา นั้นก็คือ บุญทำกรรมแต่งที่เราทำมาทั้งในอดีตและปัจจุบัน คำว่า กรรม ก็คือการกระทำของเรานั่นเอง โชคหรือบุญวาสนา ย่อมมาจากการกระทำของเราในอดีตและปัจจุบัน คงเคยได้ยินว่า “วาสนาไม่ถึง ทำอะไรก็ไม่สำเร็จหรือไม่ได้ตามที่หวัง” ซึ่งจริงๆ แล้วคำว่าวาสนาไม่ถึงก็คือ บุญไม่ถึงหรือมีบุญไม่พอนั้นเอง แต่ถ้าบุญนั้นมีมากพอหรือบุญถึงเสียอย่าง แม้แต่ฟ้าก็ยังมาขวางกั้นไม่ได้เลย
“โชคดี” นั้นก็เกิดจากการกระทำของตัวเองทั้งสิ้นไม่ได้มาแบบลอยๆ หรือบังเอิญโชคดีแต่ต้องมาจากความเก่ง ประสบการณ์ มีฝีมือและมีโอกาสได้ทำ คนที่ได้เลื่อนขั้นได้ดีจากการทำงานอย่าไปดูถูกตัวเองว่ามาจากการเคลื่อนที่ของดาวบนฟากฟ้า โชคมาจากมือตนเองทั้งนั้นที่ทำให้เกิดโชค เพราะตนเองมีผลงานดี มีความขยันหมั่นเพียร มีทิศทางในการดำรงชีวิตและการทำงานที่ถูกต้อง ถูกธรรม
หรือแม้แต่คนที่ได้รับการส่งเสริมด้วยวิธีพิเศษ อย่างน้อยก็ต้องมีอะไรที่มาจากการกระทำมาก่อนเช่นกัน มีมนุษย์สัมพันธ์ดี มีความกตัญญู มีคนหนุนนำซึ่งอาจจะมาจากเคยมีบุญร่วมกันมา หรือบางกรณีคนที่สนับสนุนนั้นอาจจะต้องมาชดใช้กรรมให้เรา ครูบาอาจารย์ท่านเน้นมากว่า การสร้างโชคให้ตัวเองนั้นที่รวดเร็วทันใจนั้นการสร้างบุญใหญ่ที่เป็นกรรมหนักฝ่ายดีบ่อยครั้ง ตรงเป้า ผลบุญนั้นอาจจะให้โชคใหญ่ได้ทันการณ์ ทันเวลาที่เราต้องการได้
ส่วน “โชคร้าย” ก็เช่นกันต้องมาจากการกระทำทั้งนั้น ส่วนมากคนที่ยังไม่รู้เรื่องกฎแห่งกรรมดี ถ้าโชคร้ายมาเยือนก็จะไปเพ่งโทษมาลงที่ "กรรมเก่า" เรียกว่า ถ้าตนเองมีเรื่องร้ายๆ มีเคราะห์อะไรก็ตาม ส่วนมากจะไม่ค่อยโทษตัวเองแต่ไปโยนโทษนั้นให้กรรมเก่า เจ้ากรรมนายเวรเสียก่อน เพราะมันทั้งง่ายดีและแสนจะมักง่ายสิ้นดี ทั้งๆ ในบางกรณีเจ้ากรรมนายเวรเขาไม่ได้ทำไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น ตัวการสำคัญที่ส่งผลกับสรรพสัตว์ทั้งปวง เป็นตัวกำหนดชะตากรรมชีวิตทั้งหมดไม่ว่าจะเลวร้ายหรือดีแค่ไหน ขึ้นอยู่กับกรรม หรือการกระทำทั้งสิ้นโดยมีกฏแห่งกรรมควบคุมอยู่ ที่เรียกว่า "กรรมลิขิต"
ชีวิตของทุกคนที่พบโชคไม่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้ายทั้งหลายมาจากกรรม อาจจะเป็นกรรมเก่าก็ได้ หรือกรรมใหม่ที่เราที่ในชาติปัจจุบันนี้ก็ได้ หรือแม้แต่กรรมเก่าผสมกับกรรมใหม่ ที่ทำให้เร่งเรื่องราวให้เกิดขึ้น คือ มีทั้งเหตุทั้งปัจจัยพร้อมสรรพ ผลนั้นจึงเกิดขึ้นมา หากกินเหล้าเมายาจนเกือบรุ่งเช้า อดหลับอดนอนร่างกายอ่อนเพลีย ตาใกล้จะปิดจะหลับมิหลับแหล สมองมืนงงเพราะฤทธิ์เหล้าไปกดประสาททำให้ตัดสินใจอะไรก็เชื่องช้า จากสติที่มีเต็มร้อยก็เหลือเพียงแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ ขับรถออกมาจากร้านเหล้าไปชนคนอื่นเขา ต้องเสียเงิน เสียทอง หรือติดคุกหรือแม้แต่ตนเองต้องตายไปแบบไม่น่าจะตาย
หากเป็นผู้มีนิสัยไม่ดีติดตัวมาแต่เกิด โลภโมโทสัน ถือว่าเป็นกรรมเก่าที่ส่งมาเกิดหรือแต่งให้มาเกิดในชาตินี้ แถมยังได้รับกรรมสนับสนุนคือได้รับการเลี้ยงดูที่ผิด ถูกสอนจนทำให้ไม่มีความอดทน อดกลั้น ทำอะไรก็ทิ้งๆ ขว้างๆ เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัวซึ่งถือว่าเป็นกรรมใหม่ในชาตินี้ เมื่อมารวมกันเมื่อเชื้อไฟที่มีอยู่แล้ว พอมาเจอไม้ขีดไฟหรือประกายไฟหรือกรรมใหม่ที่ทำซ้ำเข้าไปอีก มันจึงลุกพรึ่บติดเป็นไฟได้ง่ายดาย ที่ทำลายล้างทุกอย่าง จนกลายเป็นผู้ไม่มีทรัพย์ ไร้เกียรติไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีเงินที่จะพอจุนเจือช่วยเหลือตัวเอง มีปัญหาเรื่องเงินมาตลอด ไร้ซึ่งเครดิตไม่มีใครคบหาสมาคมหรือให้ความช่วยเหลือ จึงชอบพูดว่า ชีวิตนี้อาภัพ มีแต่เรื่องร้ายๆ หรือโชคร้ายอยู่เสมอ
เพราะเป็นผู้ประมาทในกรรม ไม่เชื่อในคำว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว จึงสร้างกรรมชั่วไม่หยุดหย่อน ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ชอบทำร้ายทำลายเบียดเบียนผู้อื่น จึงต้องเป็นผู้ทุกข์ทรมานกับโรคร้ายต่างๆ นานาอายุสั้น โชคร้ายเหล่านี้ ไม่ใช่มาจากเหตุการณ์เคลื่อนของดวงดาว ไม่ได้มาจากพระเจ้าลิขิตบงการ หรือใครหน้าไหนทั้งนั้น ตนเองนั่นแหละเป็นผู้สร้างความโชคร้ายนี้ขึ้นเองด้วยการกระทำ
สำหรับ "โชคลาภ" หรือเราอาจจะเรียกอีกอย่างว่า “ลาภลอย” ที่เกือบแทบทุกคนคิดว่าเป็นสิ่งที่ได้มาอย่างง่ายๆ ไม่ต้องลงมือ หรือออกแรงทำอะไรมากก็ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วหากสืบต้นตอย้อนกลับไปก็จะรู้แบบเข้าใจว่า ไม่ว่าจะเป็นโชคลาภ หรืออะไรก็ตาม ต้องมีที่มาและที่ไปทั้งนั้น โลกใบนี้ไม่มีอะไรที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ ไม่มีอะไรที่ได้มาฟรีๆ ต้องมีเหตุ มีปัจจัยช่วยทำให้เกิดขึ้นเสมอ การที่จะมีโชคลาภ ตัวเองพบแต่ความโชคดีนั้น ครูบาอาจารย์ท่านจึงบอกว่า ต้องเป็นผู้มีกรรมดีมาส่งผลมากในเวลานั้นเท่านั้นและในขณะที่กรรมไม่ดีส่งผลได้น้อย ทำไมครูบาอาจารย์ท่านจึงกล่าวเช่นนี้ เป็นเพราะในทุกวินาทีของชีวิตคนเรานั้นมีทั้งสุขและทุกข์ผสมกันอยู่ ถ้ากรรมดีมาส่งผลมากในวินาทีนั้น เราก็มีความสุข แต่ถ้ากรรมไม่ดีมาส่งผลมากกว่ากรรมไม่ดีในช่วงนั้น เราจึงรู้สึกทุกข์มากกว่าสุข
การที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น หากใครเข้าใจก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก เพียงสร้างกรรมดีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ มีสติอยู่กับลมหายใจแห่งปัจจุบัน มีความพอใจในปัจจุบัน ไม่หลงอดีต ไม่หลงปัจจุบัน ไม่คาดหวังในอนาคตที่ยังมามาถึง กรรมไม่ดีที่เคยก่อนั้นไม่ว่าจะเป็นในชาติไหนหรือในชาติปัจจุบันก็ตาม ไม่สามารถตามไปแก้ไขไม่ให้เกิดได้แล้ว สิ่งที่แล้วไปแล้วอย่าไปติดยืด อย่าไปหวนคิดให้เจ็บช้ำใจอีกเลย ทางที่ดีที่สุดและถูกต้องที่สุดก็คือ อย่าก่อกรรมนั้นอีก เอามาเป็นครูและรู้จักเกรงกลัว ละอายที่จะทำกรรมไม่ดีนั้นเอง พยายามเรียนรู้และเข้าใจในกฎแห่งกรรมให้มากที่สุด
พระพุทธเจ้าทรงสอนว่าถึงแม้กรรมที่เกิดจากการกระทำในอดีตจะส่งผลมาถึงปัจจุบันและอนาคตก็ตาม แต่ทุกคนมีสิทธิที่จะเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองใหม่ตลอดเวลา หรือเลือกที่จะทำให้ตนเองพบโชคดี โชคลาภได้ตลอดเวลาด้วยการสร้างกรรมดีใหม่อย่างไม่หยุดยั้งในชาตินี้ มีชีวิตอยู่ในความไม่ประมาทในกรรมและไม่กลัวกรรมเก่าด้วย อย่าไปยอมจำนนต่อกรรมเก่า พระพุทธเจ้าสอนเรื่องกฎแห่งกรรมเพื่อให้เราทุกคนพัฒนาตนเอง พัฒนาคุณภาพชีวิตไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นตลอดเวลา ไม่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ทำให้ชีวิตต้องมาพบกับความลำบาก อุปสรรคต่างๆ มีความพร้อมอยู่เสมอ ไม่หลงทางไม่ประมาทในการมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้จนเตรียมการที่จะมีความสุข ความเจริญไปถึงโลกหน้า
ขอย้ำอีกครั้งว่า ผลจากการกระทำที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มีผลมากที่สุดที่จะทำให้เกิดโชคลาภมีความสุข ความสำเร็จ รวยได้ทั้งอย่างฉับพลัน หรือรวยอย่างยั่งยืนได้จริง ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจว่า การทำบุญ การไปทำทานหรือสะเดาะเคราะห์ต่างๆ จะช่วยให้ตนเองรอดพ้นจากบาปกรรม ความทุกข์ ความเศร้าโศกหรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่าโชคร้าย ดวงตกนั้นไปได้อย่างทันทีทันใด ซึ่งมันไม่ใช่อย่างนั้น
บุญนั้นไปลบล้างบาปกรรมที่ทำมาไม่ได้ แต่บุญที่ทำจะพาชีวิตให้พ้นจากกรรมไม่ดีที่ทำมาได้จริง ถ้ามีพลังบุญมากพอและสามารถส่งผลทั้งในชาตินี้และข้ามภพชาติด้วย เราต้องเรียนรู้ว่า บุญนั้นอยู่ในส่วนของบุญที่ต้องส่งผล บาปหรือกรรมไม่ดีทีทำไปแล้วก็ต้องส่งผลเช่นกัน ไม่มีใครหลีกเลี่ยงไปได้ แต่อยู่ที่ว่าในส่วนไหนจะมีพลังและส่งผลได้มากกว่ากันในเวลานั้น เหมือนระหว่างสุนัขล่าเนื้อกับกวาง ใครจะวิ่งได้เร็วกว่ากัน ที่มีความสุข มีโชคมากขึ้นแต่เป็นเพราะกระแสของบุญนั้นส่งผลแรงเกินกว่าที่กรรมชั่วจะตามทัน เราก็จะมีชีวิตที่ดีขึ้น สุขสบายขึ้น เท่านั้นเองแต่จริง ๆ แล้วกรรมเก่ามันไม่ได้หนีหายไปไหนเลยมันแค่รอจังหวะ รอโอกาสว่าเมื่อไหร่ผลของกรรมชั่วที่เราทำในปัจจุบันนี้จะส่งผลมันจะผสมโรงด้วยทันทีที่ทำได้
ถ้าอยากหนีให้ไกลจากสิ่งไม่ดีหนีจากความโชคร้าย ก็เร่งสร้างบุญ เร่งทำความดี ไม่ทำความชั่ว ทำจิตใจให้ผ่องใสชีวิตก็จะมีแต่ความสุข ความเจริญรุ่งเรืองสืบไป หวังว่าที่กล่าวไปแล้วนั้นท่านผู้อ่านทุกท่านจะพอเข้าใจพอสมควรแล้วว่า โชคนั้นมาจากไหน เกิดขึ้นได้อย่างไร เมื่อเข้าใจสิ่งแล้วก็จะสามารถมีกำลังใจที่จะสร้างโชคให้เกิดขึ้นกับชีวิตของเราได้อย่างถูกต้อง ต่อไปนี้จะนำเรื่องของการที่จะทำให้เกิดความโชคดีในชีวิต ทำให้โชคลาภที่ควรจะได้มาถึงเร็วมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่ที่กรรมกำหนด แต่ที่แน่นอนที่สุด ทุกวิธีการที่บอกทั้งหมดนี้จะไม่เกิดผลเลย หรือเกิดผลช้าถ้า เรายังเป็นผู้สร้างกรรมดีผสมกับการทำชั่วไปด้วย ยิ่งทำชั่วมากกว่าทำดี ก็อย่าไปหวังเลยว่าตนเองจะโชคดีมีโชคลาภ เพราะผลของกรรมชั่วนั้นแรงกว่าก็ต้องส่งผลก่อน เป็นกฎแห่งกรรม
เหมือนกับเราต้องการวิ่งไปถึงเส้นชัยโดยเร็ว แต่เราก็ไปสร้างตัวถ่วงมาถ่วงขาของตัวเองไปด้วยยิ่งสร้างตัวถ่วงมาก มันจึงไปไม่ถึงไหน เผลอๆ อาจจะหกล้มหกคะเมนด้วยซ้ำ เพราะโดนกรรมเก่าไม่ดีมันท่วมตัว มันไล่ตามมาทัน ทีนี้ชีวิตคงจะยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ บุญที่ทำก็ส่งผลไม่ได้เพราะมีกำลังน้อยกว่า ข้อแรกที่ต้องทำและขอย้ำว่าสำคัญมากก็คือ หยุดทำความชั่วทั้งมวลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป หากยังไม่สามารถทำได้ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ตามให้พยายามลด ละ เลิกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และเร่งทำกรรมดี สร้างบุญกุศลให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขอรับรองว่า ถ้าทำได้ โชคทั้งหลาย ลาภที่ควรจะได้ จะหลั่งไหลมาและเปลี่ยนชีวิตทุกท่านไปตลอดกาลอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
แชร์ต่อให้คนที่คุณรู้จักได้อ่าน เพื่อ เสริมดวงการเงิน ความร่ำรวย โชคลาภ ของคุณ
- สีผึ้งนางมัทรีอิ่นทราวดี -
**สุดยอดมหาเสน่ห์เมตตาพารวย**
"สีผึ้งนางมัทรี" มนตรามหาเสน่ห์แห่งล้านนา มีพลังอำนาจอิทธิคุณวิเศษยิ่งเรื่องความรัก เมตตามหานิยม เสริมชะตา บารมี อำนาจ ตบะ เดชะเป็นมงคลแก่ตนเอง ทั้งโชคลาภ เงินทอง คนรักใคร่เมตตา ค้าขายประสบความสำเร็จ เป็นมหาเศรษฐีมั่งมี มั่งคั่ง มีกินไม่มีหมดจนไม่เป็น มีฤทธิ์เรียกคนทั้งหลายให้รักใคร่เมตตา เทวดาเอ็นดูค้ำชูช่วยเหลือ เรียกคน เรียกรัก เรียกทรัพย์ เรียกลาภ ผู้ใดบูชาถูกใช้เป็นก็ดั่งมีแก้วสารพัดนึก ถือเป็นวาสนามหามงคลแก่บุคคลผู้นั้น
หยิบจับอะไรก็มีกำไร พูดอะไรก็ขายได้ เสนออะไรก็ขายดี เจรจาต่อรองธุรกิจการค้าสำเร็จ มีอำนาจมหาเสน่ห์ชนะใจคนทั้งหลาย เข้าหาผู้ใหญ่ ก็เมตตาเอ็นดู ทวงหนี้ทวงสินลูกหนี้ใจอ่อน ผลัดผ่อนหนี้ เจ้าหนี้เมตตา คนรักร้างราเบื่อหน่ายก็อยากจะกลับมารัก กลับมาหาดังเดิม เรียกจิตมัดใจคนไกลให้กลับมารักมาใคร่ มีจิตพันผูกแสนรัก แสนหลง คนโสดไร้คู่ จะพบคู่แท้จะมีคู่ดี ไปไหนมาไหน จะมีแต่คนรัก คนทัก คนเมตตานิยมชื่นชม ชื่นชอบ ค้าขายดี เงินทองไหลมาเทมา
✔️ คนที่ไม่เคยมีใครรักก็กลับมามีแต่คนเมตตารักใคร่
✔️ ที่ทำมาหากินไม่ขึ้นก็กลับมาค้าขายดีมีกำไร
✔️ หนี้สินล้นตัว ก็จะมีโชคลาภ มี
✔️ ชีวิตที่เคยอับเฉาก็จะมีพลัง มีชีวิตชีวา ไม่แห้งเหี่ยวอีกต่อไป
✔️ ความรักพลัดพรากแหนงหน่ายก็จะกลับมาดี มีเมตตาต่อกัน หรือเจอรักใหม่ที่สดใน ดีงาม ศีลเสมอธรรมเสมือนบุญสมานกัน
✔️ ดึงดูดจิตมัดใจเพศตรงข้ามให้เมตตา รักใคร่ต้องจิตต้องใจ
✔️ ผู้ใหญ่อยู่ใกล้ใจอ่อน เอ็นดูรักใคร่ หายโกรธหายเกลียด
✔️ เจ้าหนี้เมตตา ลูกหนี้เห็นใจ
✔️ ลูกค้าติดใจ จากไปแล้วต้องกลับมา ซื้อง่ายคล่อง
✔️ คุ้มครองให้แคล้วคลาด ลดเคราะห์ร้ายให้เบา กลับสิ่งร้ายให้ดี
✔️ จะบังเกิดสิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิต
✔️ จะพลิกชะตาจากที่ร้ายกลายเป็นดีอย่างไม่น่าเชื่อ
✔️ จะบังเกิดสิ่ง ที่ดี ๆ หลั่งไหลเข้ามาในชีวิต
✔️ นึกคิดอะไร สำเร็จ สมปรารถนาได้ดั่งใจ
สีผึ้งจะดีจะวิเศษเต็มกำลังครู ก็เมื่อผู้ใช้สีผึ้งนี้รักษาวาจาใจ ไม่ละเมิดศีลข้อ 4. พูดจาไพเราะเสนาะหู เย็นกาย-จิตใจเย็นมีเมตตา ยิ้มแย้มแจ่มใส วาจาอ่อนหวาน ไม่พูดเพ้อเจ้อส่อเสียดหยาบคาย หมั่นสวดคาถาบูชาสีผึ้ง ปลุกฤทธิ์อิ่น เช้าค่ำ ชีวิตจะดีดวงจะดี ราศีเด่น การงานดี การเงินดี ครอบครัวดี ความรักดีผิวพรรณผ่องใส กายสว่าง มีสง่า มีราศีดี .. คือสุดยอดแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยม
หยิบจับอะไรก็มีกำไร พูดอะไรก็ขายได้ เสนออะไรก็ขายดี เจรจาต่อรองธุรกิจการค้าสำเร็จ มีอำนาจมหาเสน่ห์ชนะใจคนทั้งหลาย เข้าหาผู้ใหญ่ ก็เมตตาเอ็นดู ทวงหนี้ทวงสินลูกหนี้ใจอ่อน ผลัดผ่อนหนี้ เจ้าหนี้เมตตา คนรักร้างราเบื่อหน่ายก็อยากจะกลับมารัก กลับมาหาดังเดิม เรียกจิตมัดใจคนไกลให้กลับมารักมาใคร่ มีจิตพันผูกแสนรัก แสนหลง คนโสดไร้คู่ จะพบคู่แท้จะมีคู่ดี ไปไหนมาไหน จะมีแต่คนรัก คนทัก คนเมตตานิยมชื่นชม ชื่นชอบ ค้าขายดี เงินทองไหลมาเทมา
✔️ คนที่ไม่เคยมีใครรักก็กลับมามีแต่คนเมตตารักใคร่
✔️ ที่ทำมาหากินไม่ขึ้นก็กลับมาค้าขายดีมีกำไร
✔️ หนี้สินล้นตัว ก็จะมีโชคลาภ มี
✔️ ชีวิตที่เคยอับเฉาก็จะมีพลัง มีชีวิตชีวา ไม่แห้งเหี่ยวอีกต่อไป
✔️ ความรักพลัดพรากแหนงหน่ายก็จะกลับมาดี มีเมตตาต่อกัน หรือเจอรักใหม่ที่สดใน ดีงาม ศีลเสมอธรรมเสมือนบุญสมานกัน
✔️ ดึงดูดจิตมัดใจเพศตรงข้ามให้เมตตา รักใคร่ต้องจิตต้องใจ
✔️ ผู้ใหญ่อยู่ใกล้ใจอ่อน เอ็นดูรักใคร่ หายโกรธหายเกลียด
✔️ เจ้าหนี้เมตตา ลูกหนี้เห็นใจ
✔️ ลูกค้าติดใจ จากไปแล้วต้องกลับมา ซื้อง่ายคล่อง
✔️ คุ้มครองให้แคล้วคลาด ลดเคราะห์ร้ายให้เบา กลับสิ่งร้ายให้ดี
✔️ จะบังเกิดสิ่งที่ดี ๆ เข้ามาในชีวิต
✔️ จะพลิกชะตาจากที่ร้ายกลายเป็นดีอย่างไม่น่าเชื่อ
✔️ จะบังเกิดสิ่ง ที่ดี ๆ หลั่งไหลเข้ามาในชีวิต
✔️ นึกคิดอะไร สำเร็จ สมปรารถนาได้ดั่งใจ
สีผึ้งจะดีจะวิเศษเต็มกำลังครู ก็เมื่อผู้ใช้สีผึ้งนี้รักษาวาจาใจ ไม่ละเมิดศีลข้อ 4. พูดจาไพเราะเสนาะหู เย็นกาย-จิตใจเย็นมีเมตตา ยิ้มแย้มแจ่มใส วาจาอ่อนหวาน ไม่พูดเพ้อเจ้อส่อเสียดหยาบคาย หมั่นสวดคาถาบูชาสีผึ้ง ปลุกฤทธิ์อิ่น เช้าค่ำ ชีวิตจะดีดวงจะดี ราศีเด่น การงานดี การเงินดี ครอบครัวดี ความรักดีผิวพรรณผ่องใส กายสว่าง มีสง่า มีราศีดี .. คือสุดยอดแห่งเสน่ห์เมตตามหานิยม
มวลสารทนสิทธิ์สำคัญๆพระอาจารย์ท่านเมตตาบอกไว้ดังนี้
นางผึ้งทั้ง 6 คือ นางผ่า นางกุ๋ม นางกวัก นางเหลียว นางหาบ และนางธรณี(เป็นปริศนาบอกลักษณะของรังผึ้งที่เป็นมวลสารในการสร้างสีผึ้งนี้) ว่านยาเสน่ห์เมตตามหานิยมคงกระพันโชคลาภ 108 ชนิด หัวน้ำมันจันทร์หอมที่ปลุกเสกอาบแสงจันทร์แช่ตะกรุดทองคำพระลักษณ์หน้าทอง 22 คืนเพ็ญเต็มดวง และมวลสารมงคลอื่นๆอันเป็นความลับจากปั๊บสาตำราโบราณอีกมาก เมื่อจะหุงต้องหาไม้มงคล 9 อย่างมาทำฟืน และเสกในกองฟอนร้อนรุ่ม ในคืนวันเพ็ญ 15 ค่ำอันต้องตรงกับกับวันจันทร์พระจันทร์เต็มดวงเท่านั้น..."เรียกว่า จันทร์ซ้อนจันทร์"
" จันทร์ซ้อนจันทร์ " พลังแห่งโชคลาภ มหาเมตตา มหานิยม
ตามตำราโบราณแห่งไสยเวทย์ " วันจันทร์เป็นวันแห่งเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ " หากเป็นวันจันทร์ที่จันทร์เพ็ญเต็มดวง จะยิ่งเข้มขลังในพลังเมตตาโชคลาภมากเป็นทวีคูณ พระจันทร์มีอิทธิพลต่ออารมณ์ ความรัก ความใคร่ของมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ถือกันว่า..คืนใดก็ตามที่พระจันทร์มาทาบทับเต็มดวงในวันจันทร์ คืนนั้นจะเป็นคืนอาถรรพ์มาก เป็นมหาฤกษ์ปลุกเสกเครื่องรางด้านมหาเสน่ห์เมตตาโชคลาภ จะเพิ่มฤทธีความข่าม ขลัง ให้เครื่องรางอย่างยิ่งฯ เพราะได้กำลังจันทร์ซ้อนทับกันถึงสองเท่า อำนาจแห่งเมตตาเรียกจิตมัดใจนั้นจะมีอานุภาพแรงขี้นทวีคูณ
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
"อิ่นทราวดี" ในสีผึ้งนางมัทรี
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ปลุกเสก ปั้น เผา ร่ายเวทย์เรียกสูตรครบธาตุ "ดิน น้ำ ลม ไฟ " ปลุกคาถาแช่น้ำมันจันทร์หอมและว่านยามหาเสน่ห์ 108 อาบแสงจันทร์ 22 คืนเพ็ญ ร่ายมนต์เรียกสูตรปลุกอักขระด้วยวิชาเร้นลับจนเกิดวิญญานธาตุภายใน มีฤทธานุภาพด้านมหาเสน่ห์ เมตตา มหานิยม มหาอำนาจ ดลบันดาลได้พันช่องพันเรื่อง ตามแต่อธิษฐาน
วัตถุดี มวลสารดี ผู้สร้างดี ปลุกเสกดี ฤกษ์ดี "อิ่น" นั้นฤทธีแรง อำนาจอิทธิคุณสูงยิ่งประมาณมิได้เลย "อิ่นทราวดี" เนื้อทราวดีโบราณ และดินอาถรรพ์จาก10 สถานที่สวยงามคนนิยม ดิน10 ร้านอาหารขายดีมากคนนิยม มีมวลสารว่านมงคล ว่านยามหาเสน่ห์เมตตาครบสูตร แก้วโป่งข่ามรัตนชาติศักดิ์สิทธิ์บด 12 ชนิด กาฝาก9ชนิด กาฝากกาหลง-รักซ้อน-มะยม-มะรุม-มะขาม -ขนุน--ยอ-คูณ-พยูง (อานุภาพกาฝาก คือ ได้อะไรมาง่ายๆป้อนถึงปาก ชีวิตไม่ลำบาก มีมหาเสน่ห์ดึงดูดจิตผูกมัดใจผู้คน มีเมตตา มหานิยม มหาอำนาจ มั่งมีโชคลาภ ค้าขายดี แคล้วคลาด กันภัย*) และมวลสารอาถรรพ์ทนสิทธิ์อันเป็นความลับจากปั๊บสาตำราไสยเวทย์ล้านนาโบราณ
"อิ่น" คือศาสตร์วิชาเร้นลับแห่งเครื่องรางมหาเสน่ห์ชั้นสูงของล้านนา เป็นเครื่องรางแห่งความรัก การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ความสมบูรณ์แห่งพลังชีวิต การก่อกำเนิดสรรพสิ่งจากความรักใคร่เมตตา อันนำไปสู่ความสมดุลย์สมบูรณ์ ความสุข ความมีชีวิตชีวา ความสำเร็จ สมปรารถนาทั้งปวงนานานัปประการของชีวิต
ท่านว่า..ใครบูชาอิ่นถูกใช้อิ่นเป็น ผู้นั้นจะมีมหาอำนาจ มหาเสน่ห์เมตตามหานิยมในตนเองอย่างประมาณมิได้เลย ความรัก ความสุข เงินทอง ทรัพย์สิน ลาภยศ จะหลั่งไหลเข้ามามิขาด คิดสิ่งใด ปรารถนาสิ่งใด แม้ว่ายากเกินกำลัง สิ่งนั้นก็จะสำเร็จทุกประการแล !!!
อิ่นมหาเสน่ห์อันดับหนึ่งเบญจภาคีเครื่องรางล้านนานี้ เล่าขานกันว่า..คือเครื่องรางชั้นสูง บ้านใดมีอิ่นไว้ในบ้านๆนั้นก็จะมีแต่ความรักไม่มีเรื่องให้ทะเลาะหรือผิดใจกัน เป็นเครื่องรางที่ควรมีติดกาย ติดบ้านเรือน ติดห้องนอนห้องหอ ชนชั้นสูง เจ้าขุนมูลนาย จะหวงแหนกันมาก จะมอบอิ่นอันศักดิ์สิทธิ์ของพ่อแม่ไว้ให้ลูกหลานในวันแต่งงาน และเป็นของขวัญสูงค่าที่คนรักจะมอบให้แก่กันและกัน
"อิ่น" เป็นเครื่องหมายแห่งความรัก แรงมากในด้านมหานิยมมหาเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม เป็นที่หนึ่งด้านมหาเสน่ห์ มหานิยม ช่วยในเรื่องการเจรจาค้าขาย เข้าหาเจ้านาย เป็นที่รักของคนและเทวดา รวมไปถึง แคล้วคลาดปลอดภัย มีอำนาจดลบันดาลพันช่องพันประการ กันภูตผีปีศาจ แม้แต่เทวดาอยู่บนชั้นฟ้า ยังต้องลงมาปกปักรักษาดูแลผู้ที่มีอิ่นไว้ครอบครอง
▬▬▬▬▬▬▬
** วิธีใช้ **
▬▬▬▬▬▬▬
** สวดปลุกฤทธิ์อิ่น ** มีเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ว่า อิ่นในสีผึ้งนางมัทรีนี้ มีอำนาจอิทธิคุณด้านความรักใคร่เสน่หารุนแรงยิ่ง อีกทั้งบันดาลโชคลาภ ความสำเร็จนานับประการ ครูบาอาจารย์ท่านว่า..ใครสวดปลุกฤทธิ์อิ่นยิ่งมาก ยิ่งบ่อย ด้วยจิตนิ่งสงบ โปร่งเบาสบาย สุข สงบ สว่าง เปี่ยมด้วยความรักใคร่เมตตา " อิ่น " ของผู้นั้นจะยิ่งมีอำนาจ มีฤทธิ์อิทธิคุณในการดลบัดาลแรงยิ่งนักฯ
หากต้องการเรื่องความรักเมตตาสเน่หาอาวรณ์ .. ใช้นิ้วนางข้างซ้าย แตะอิ่นในสีผึ้ง ร่ายคาถาบูชาสีผึ้งปลุกฤทธิ์อิ่น สวดจบแล้วตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนา เจิมสีผึ้ง ๑๕ ตำแหน่ง อยากได้เรื่องใดมากก็เน้นๆ ตำแหน่งนั้นตามต้องการ
หากต้องการอำนาจ เดชะ โชคลาภ การงาน ความสำเร็จ ค้าขายดี เรียกคนทั้งหลาย.. ใช้นิ้วชี้ข้างขวา แตะอิ่นในสีผึ้ง ร่ายคาถาบูชาสีผึ้งปลุกฤทธิ์อิ่น สวดจบแล้วตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนา เจิมสีผึ้ง ๑๕ ตำแหน่ง อยากได้เรื่องใดมากก็เน้นๆ ตำแหน่งนั้นตามต้องการ
▬▬▬▬▬▬▬
หมั่นสวดบูชาคาถาปลุกฤทธิ์อิ่น ค่ำเช้า ตั้งใจสวดกี่จบก็สวดตามนั้น (ยิ่งมากยิ่งดี) แต่จบสุดท้ายให้สวดแบบ"ปิดทวาร" แล้วจึงตั้งจิตตั้งใจอธิษฐาน
" สวดปิดทวาร " เป็นเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ ที่มีอำนาจ มีฤทธิ์อิทธิคุณเสริมพระเวทย์คาถาให้มีพลังอำนาจดลบันดาลให้ทุกคำอธิษฐานสำเร็จสัมฤทธิ์เป็นจริง ให้หมั่นปฎิบัติเสมอๆ )
ครูบาอาจารย์ท่านจึงย้ำเสมอว่า เวทย์คาถาให้ท่องจำขึ้นห้ามอ่าน!!
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
- เจิมสีผึ้งนางมัทรีแบบเต็มสูตร -
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
๑. "หน้าผาก" เป็นจุดที่เห็นเด่นชัดที่สุดบนใบหน้า เป็นจุดรวมสิริบนในหน้า คนนิยมชมชอบ บันดาลโชคลาภ
๒. "ทาคิ้ว" เป็นมหาเสน่ห์ เกิดสง่าบารมี
๓. "เปลือกตา" ยามสบตายามกระพริบตา ผู้ที่มองเห็นเราจะรู้สึกรัก เมตตา นิยมชมชอบเรา
๔. "แก้ม" เกิดมหาเมตตาอย่างประเสริฐ เรียกว่าตำแหน่งพรมสี่หน้า เป็นเลิศด้านเมตตามหานิยม มหากันแก้อุปสรรค แคล้วคลาดอันตราย ป้องกันคุณไสย เปิดทางเงินทอง เร่งโชคลาภให้ไหลมาเทมา ค้าขายดี เสริมดวง เสริมดี มีโชค มีชัยชนะ
๔. "กราม" พูดสิ่งใดมีอำนาจบารมี น่าเชื่อถือ
๕. "ติ่งหู๒ข้าง" เป็นที่สถิตของเทวดารักษาอายุ
๖. "ท้ายทอย" เป็นสง่าราศีเป็นที่รักใคร่เอ็นดู น่าหลงไหล
๗. "ริมฝีปาก" วาจาไพเราะเสียงเพราะ พูดอะไรน่าฟัง น่าเชื่อถือ ฟังแล้วคล้อยตาม คนรักใคร่เอ็นดู วาจาบันดาลโชคลาภ พูดเรื่องยากให้ง่าย ปราถนาสิ่งใด พูดไปสำเร็จสมดั่งใจ เข้าเจ้าเข้านาย ผู้ใหญ่เอ็นดู คนรักเมตตา บิดามารดาใจอ่อน
๘. "กระหม่อม" เป็นจุดเข้าออกวิญญานและปราณพลังชีวิต เป็นจุดศูนย์รวมของพลังชีวิตมนุษย์ และเป็นที่สถิตของเทวดารักษาตน
๙. "คาง" ทำให้น่าเคารพยำเกรง มีอำนาจ ตบะ เดชะ บารมี
๑๐. "อก" เป็นมหาเสน่หารุนแรง กริยาเย้ายวนน่าหลงไหล
๑๑. "ทาท้องน้อย" เป็นมหาเสน่ห์ น่าหลงไหลรักใคร่ไหลหลง ติดตราตรึงใจมิเสื่อมคลายเลย.
๑๒. "หน้าแข้ง" ผีสาง สัตว์ร้าย งูเขี้ยวขอไม่มารบกวน แคล้วคลาดกันภัย 108 ประการ
๑๓. "โคนนิ้วทั้งสิบ" หยิบจับสิ่งใดมีพลังอำนาจ ประสบความสำเร็จทุกปราการ
๑๔. "ปลายนิ้วชี้ทั้งสอง" นิ้วมหาอำนาจ มหาเสน่ห์ ชี้สิ่งใดได้สิ่งนั้น สำเร็จสมปรารถนาทั้งสิ้นแลฯ
๑๕. "ฝ่ามือทั้งสอง" หยิบจับสัมผัสสิ่งใด เกิดมหาเสน่ห์ เกิดมหามงคล จับสินค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จับเสื้อผ้า จับหน้า จับผม เทวดารัก คนหลง เจ้านายนิยม บริวารเชื่อฟัง ญาติมิตรเกื้อกูลช่วยเหลือ ศรัตรูแพ้พ่าย
" จันทร์ซ้อนจันทร์ " พลังแห่งโชคลาภ มหาเมตตา มหานิยม
ตามตำราโบราณแห่งไสยเวทย์ " วันจันทร์เป็นวันแห่งเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ " หากเป็นวันจันทร์ที่จันทร์เพ็ญเต็มดวง จะยิ่งเข้มขลังในพลังเมตตาโชคลาภมากเป็นทวีคูณ พระจันทร์มีอิทธิพลต่ออารมณ์ ความรัก ความใคร่ของมนุษย์ และสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ถือกันว่า..คืนใดก็ตามที่พระจันทร์มาทาบทับเต็มดวงในวันจันทร์ คืนนั้นจะเป็นคืนอาถรรพ์มาก เป็นมหาฤกษ์ปลุกเสกเครื่องรางด้านมหาเสน่ห์เมตตาโชคลาภ จะเพิ่มฤทธีความข่าม ขลัง ให้เครื่องรางอย่างยิ่งฯ เพราะได้กำลังจันทร์ซ้อนทับกันถึงสองเท่า อำนาจแห่งเมตตาเรียกจิตมัดใจนั้นจะมีอานุภาพแรงขี้นทวีคูณ
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
"อิ่นทราวดี" ในสีผึ้งนางมัทรี
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
วัตถุดี มวลสารดี ผู้สร้างดี ปลุกเสกดี ฤกษ์ดี "อิ่น" นั้นฤทธีแรง อำนาจอิทธิคุณสูงยิ่งประมาณมิได้เลย "อิ่นทราวดี" เนื้อทราวดีโบราณ และดินอาถรรพ์จาก10 สถานที่สวยงามคนนิยม ดิน10 ร้านอาหารขายดีมากคนนิยม มีมวลสารว่านมงคล ว่านยามหาเสน่ห์เมตตาครบสูตร แก้วโป่งข่ามรัตนชาติศักดิ์สิทธิ์บด 12 ชนิด กาฝาก9ชนิด กาฝากกาหลง-รักซ้อน-มะยม-มะรุม-มะขาม -ขนุน--ยอ-คูณ-พยูง (อานุภาพกาฝาก คือ ได้อะไรมาง่ายๆป้อนถึงปาก ชีวิตไม่ลำบาก มีมหาเสน่ห์ดึงดูดจิตผูกมัดใจผู้คน มีเมตตา มหานิยม มหาอำนาจ มั่งมีโชคลาภ ค้าขายดี แคล้วคลาด กันภัย*) และมวลสารอาถรรพ์ทนสิทธิ์อันเป็นความลับจากปั๊บสาตำราไสยเวทย์ล้านนาโบราณ
"อิ่น" คือศาสตร์วิชาเร้นลับแห่งเครื่องรางมหาเสน่ห์ชั้นสูงของล้านนา เป็นเครื่องรางแห่งความรัก การหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว ความสมบูรณ์แห่งพลังชีวิต การก่อกำเนิดสรรพสิ่งจากความรักใคร่เมตตา อันนำไปสู่ความสมดุลย์สมบูรณ์ ความสุข ความมีชีวิตชีวา ความสำเร็จ สมปรารถนาทั้งปวงนานานัปประการของชีวิต
ท่านว่า..ใครบูชาอิ่นถูกใช้อิ่นเป็น ผู้นั้นจะมีมหาอำนาจ มหาเสน่ห์เมตตามหานิยมในตนเองอย่างประมาณมิได้เลย ความรัก ความสุข เงินทอง ทรัพย์สิน ลาภยศ จะหลั่งไหลเข้ามามิขาด คิดสิ่งใด ปรารถนาสิ่งใด แม้ว่ายากเกินกำลัง สิ่งนั้นก็จะสำเร็จทุกประการแล !!!
อิ่นมหาเสน่ห์อันดับหนึ่งเบญจภาคีเครื่องรางล้านนานี้ เล่าขานกันว่า..คือเครื่องรางชั้นสูง บ้านใดมีอิ่นไว้ในบ้านๆนั้นก็จะมีแต่ความรักไม่มีเรื่องให้ทะเลาะหรือผิดใจกัน เป็นเครื่องรางที่ควรมีติดกาย ติดบ้านเรือน ติดห้องนอนห้องหอ ชนชั้นสูง เจ้าขุนมูลนาย จะหวงแหนกันมาก จะมอบอิ่นอันศักดิ์สิทธิ์ของพ่อแม่ไว้ให้ลูกหลานในวันแต่งงาน และเป็นของขวัญสูงค่าที่คนรักจะมอบให้แก่กันและกัน
"อิ่น" เป็นเครื่องหมายแห่งความรัก แรงมากในด้านมหานิยมมหาเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม เป็นที่หนึ่งด้านมหาเสน่ห์ มหานิยม ช่วยในเรื่องการเจรจาค้าขาย เข้าหาเจ้านาย เป็นที่รักของคนและเทวดา รวมไปถึง แคล้วคลาดปลอดภัย มีอำนาจดลบันดาลพันช่องพันประการ กันภูตผีปีศาจ แม้แต่เทวดาอยู่บนชั้นฟ้า ยังต้องลงมาปกปักรักษาดูแลผู้ที่มีอิ่นไว้ครอบครอง
▬▬▬▬▬▬▬
** วิธีใช้ **
▬▬▬▬▬▬▬
** สวดปลุกฤทธิ์อิ่น ** มีเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ว่า อิ่นในสีผึ้งนางมัทรีนี้ มีอำนาจอิทธิคุณด้านความรักใคร่เสน่หารุนแรงยิ่ง อีกทั้งบันดาลโชคลาภ ความสำเร็จนานับประการ ครูบาอาจารย์ท่านว่า..ใครสวดปลุกฤทธิ์อิ่นยิ่งมาก ยิ่งบ่อย ด้วยจิตนิ่งสงบ โปร่งเบาสบาย สุข สงบ สว่าง เปี่ยมด้วยความรักใคร่เมตตา " อิ่น " ของผู้นั้นจะยิ่งมีอำนาจ มีฤทธิ์อิทธิคุณในการดลบัดาลแรงยิ่งนักฯ
หากต้องการเรื่องความรักเมตตาสเน่หาอาวรณ์ .. ใช้นิ้วนางข้างซ้าย แตะอิ่นในสีผึ้ง ร่ายคาถาบูชาสีผึ้งปลุกฤทธิ์อิ่น สวดจบแล้วตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนา เจิมสีผึ้ง ๑๕ ตำแหน่ง อยากได้เรื่องใดมากก็เน้นๆ ตำแหน่งนั้นตามต้องการ
หากต้องการอำนาจ เดชะ โชคลาภ การงาน ความสำเร็จ ค้าขายดี เรียกคนทั้งหลาย.. ใช้นิ้วชี้ข้างขวา แตะอิ่นในสีผึ้ง ร่ายคาถาบูชาสีผึ้งปลุกฤทธิ์อิ่น สวดจบแล้วตั้งจิตอธิษฐานในสิ่งที่ปรารถนา เจิมสีผึ้ง ๑๕ ตำแหน่ง อยากได้เรื่องใดมากก็เน้นๆ ตำแหน่งนั้นตามต้องการ
▬▬▬▬▬▬▬
หมั่นสวดบูชาคาถาปลุกฤทธิ์อิ่น ค่ำเช้า ตั้งใจสวดกี่จบก็สวดตามนั้น (ยิ่งมากยิ่งดี) แต่จบสุดท้ายให้สวดแบบ"ปิดทวาร" แล้วจึงตั้งจิตตั้งใจอธิษฐาน
" สวดปิดทวาร " เป็นเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ ที่มีอำนาจ มีฤทธิ์อิทธิคุณเสริมพระเวทย์คาถาให้มีพลังอำนาจดลบันดาลให้ทุกคำอธิษฐานสำเร็จสัมฤทธิ์เป็นจริง ให้หมั่นปฎิบัติเสมอๆ )
ครูบาอาจารย์ท่านจึงย้ำเสมอว่า เวทย์คาถาให้ท่องจำขึ้นห้ามอ่าน!!
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
- เจิมสีผึ้งนางมัทรีแบบเต็มสูตร -
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
๑. "หน้าผาก" เป็นจุดที่เห็นเด่นชัดที่สุดบนใบหน้า เป็นจุดรวมสิริบนในหน้า คนนิยมชมชอบ บันดาลโชคลาภ
๒. "ทาคิ้ว" เป็นมหาเสน่ห์ เกิดสง่าบารมี
๓. "เปลือกตา" ยามสบตายามกระพริบตา ผู้ที่มองเห็นเราจะรู้สึกรัก เมตตา นิยมชมชอบเรา
๔. "แก้ม" เกิดมหาเมตตาอย่างประเสริฐ เรียกว่าตำแหน่งพรมสี่หน้า เป็นเลิศด้านเมตตามหานิยม มหากันแก้อุปสรรค แคล้วคลาดอันตราย ป้องกันคุณไสย เปิดทางเงินทอง เร่งโชคลาภให้ไหลมาเทมา ค้าขายดี เสริมดวง เสริมดี มีโชค มีชัยชนะ
๔. "กราม" พูดสิ่งใดมีอำนาจบารมี น่าเชื่อถือ
๕. "ติ่งหู๒ข้าง" เป็นที่สถิตของเทวดารักษาอายุ
๖. "ท้ายทอย" เป็นสง่าราศีเป็นที่รักใคร่เอ็นดู น่าหลงไหล
๗. "ริมฝีปาก" วาจาไพเราะเสียงเพราะ พูดอะไรน่าฟัง น่าเชื่อถือ ฟังแล้วคล้อยตาม คนรักใคร่เอ็นดู วาจาบันดาลโชคลาภ พูดเรื่องยากให้ง่าย ปราถนาสิ่งใด พูดไปสำเร็จสมดั่งใจ เข้าเจ้าเข้านาย ผู้ใหญ่เอ็นดู คนรักเมตตา บิดามารดาใจอ่อน
๘. "กระหม่อม" เป็นจุดเข้าออกวิญญานและปราณพลังชีวิต เป็นจุดศูนย์รวมของพลังชีวิตมนุษย์ และเป็นที่สถิตของเทวดารักษาตน
๙. "คาง" ทำให้น่าเคารพยำเกรง มีอำนาจ ตบะ เดชะ บารมี
๑๐. "อก" เป็นมหาเสน่หารุนแรง กริยาเย้ายวนน่าหลงไหล
๑๑. "ทาท้องน้อย" เป็นมหาเสน่ห์ น่าหลงไหลรักใคร่ไหลหลง ติดตราตรึงใจมิเสื่อมคลายเลย.
๑๒. "หน้าแข้ง" ผีสาง สัตว์ร้าย งูเขี้ยวขอไม่มารบกวน แคล้วคลาดกันภัย 108 ประการ
๑๓. "โคนนิ้วทั้งสิบ" หยิบจับสิ่งใดมีพลังอำนาจ ประสบความสำเร็จทุกปราการ
๑๔. "ปลายนิ้วชี้ทั้งสอง" นิ้วมหาอำนาจ มหาเสน่ห์ ชี้สิ่งใดได้สิ่งนั้น สำเร็จสมปรารถนาทั้งสิ้นแลฯ
๑๕. "ฝ่ามือทั้งสอง" หยิบจับสัมผัสสิ่งใด เกิดมหาเสน่ห์ เกิดมหามงคล จับสินค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จับเสื้อผ้า จับหน้า จับผม เทวดารัก คนหลง เจ้านายนิยม บริวารเชื่อฟัง ญาติมิตรเกื้อกูลช่วยเหลือ ศรัตรูแพ้พ่าย
** สวดคาถาบูชาสีผึ้งปลุกฤทธิ์อิ่น ** ทุกเช้า-ค่ำ เจิมทา ๑๕ จุดนี้ด้วยจิตนิ่งมีกำลัง มีสติ ไม่ต้องใช้มาก เพียงแตะนิดหน่อยเท่านั้น" ริมฝีปาก " ให้หมั่นเจิมทาบ่อยๆ นึกได้ก็สวดคาถาแตะอิ่นเจิมสีผึ้งทาริมฝีปากบ่อยๆ ตลับสีผึ้งให้พกติดตัว กลัดติดเสื้อไว้ ติดเนื้อติดตัวไว้ เป็นสุดยอดแห่งมหาเสน่ห์เมตตา หนุนชะตาวาสนา เสริมบารมี ให้เจอแต่สิ่งดีดี แคล้วคลาดปลอดภัย
หากทำได้ดังนี้บ่อยๆ คำอธิษฐานจะสำเร็จเป็นจริงอย่างไม่มีข้อยกเว้น หมั่นสวดคาถา หมั่นใช้หมั่นเจิม กระทำ พูด คิด ให้สอดคล้องไปกับคำอธิษฐาน ร่ายคาถาปลุกฤทธิ์อิ่นบูชาสีผึ้งบ่อยๆ จิตมีฤทธิ์ความคิดจะมีอำนาจ ** คิดอะไร พูดอะไร จะได้อย่างนั้น จึงต้องคิดดีดี พูดดีดี ทำดีดี
คาถาบูชาสีผึ้งปลุกฤทธิ์ "อิ่น" คือ "คาถาสีผึ้งนางมัทรี" ท่องจำให้ได้ขึ้นใจห้ามอ่าน!! หมั่นสวดคาถาปลุกฤทธิ์อิ่นเช้า-ค่ำ กี่จบก็ได้สวดตามกำลังใจ มากจบยิ่งดี อิ่นคู่ใดเจ้าของหมั่นปลุกฤทธิ์ปลุกธาตุร่ายคาถา อิ่นคู่นั้นจะยิ่งศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์อิทธิคุณสูงยิ่งนักฯ. การหมั่นสวดคาถา คือการเชื่อมจิต เชื่อมบุญถึงครูบาอาจารย์ ขออำนาจบุญบารมีท่านมาเสริมกำลังบุญหนุนดวงชะตา ค้ำคูณเรา และเป็นการรวมจิตให้นิ่งมีกำลัง เพื่อทุกคำอธิษฐานจะสำเร็จ สัมฤทธิ์ผลเป็นจริงในเร็ววัน
"คาถาสีผึ้งนางมัทรี" สวดปลุกอิ่น ไม่ต้องว่า นะโมก่อน เพราะเนื้อคาถาเป็นเรื่องทางโลก ให้ว่าคาถาเลย เมื่อท่านบูชาอิ่น จงเข้าใจเคล็ดลับไสยเวทย์แห่งอิ่นด้วยว่า อิ่นคือความรัก สีผึ้งคือความเมตตา กรุณาปราณี อิ่นทำให้คนรักกัน เมื่ออยากได้ความรัก จงให้ความรักก่อน อิ่นดลบันดาลความมั่งคั่ง ลาภ ยศ เงินทอง ความสำเร็จ ท่านก็จงเป็นผู้หมั่นทำทาน รักษาศีลเป็นนิตย์ อิ่นมีฤทธิ์ทางมหาเสน่ห์เมตตา มหานิยม ท่านก็จงเป็นผู้มีจิตใจงามวาจาอ่อนหวาน พูดถ้อยคำมงคลอยู่เสมอ เพียงทำได้ดั่งนี้ "สีผึ้งนางมัทรีอิ่นทราวดี" ก็จะมีอำนาจดลบันดาลให้ท่านได้ดั่งแก้วสารพัดนึก
"อิ่นทราวดี" คือจิตใจอันเมตตากรุณามีไมตรีจิต จิตเมตตากรุณาทำสิ่งใดย่อมสำเร็จ เป็นมหานิยม อุดมโชคลาภ "อิ่น"แทนกำเนิดทุกสิ่ง สัตว์ ภูติ เทวดา มาร พรหมล้วนเคยเกิดในโลก คนใช้อิ่นในทางชั่ว ย่อมมัวหมองบาปกรรมย่อมตามสนอง " อิ่น " เป็นตัวช่วยในเรื่องโลกๆ ที่ยังต้องกินต้องใช้ไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรม ไม่ใช่เอาไปผิดศีล ทำร้ายทำลายกดข่มผู้อื่น ทุกศาสตร์ย่อมมีความหมาย ทุกความหมายย่อมพ้นความงมงายด้วยปัญญา คนดีจึงใช้ของดี ของดีย่อมทำลายใจอกุศล ผู้ทำกรรมเช่นใดย่อมได้รับผลเช่นนั้น
อิ่นหรือรูปชายหญิงกอดกัน แสดงการกำเนิดแห่งสันตติในสมดุลรูปนาม แทนการตื่นรู้ด้วยเมตตากรุณาต่อสรรพชีวิต เป็นการกำเนิดแห่งอวิชชาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ภพชาติเป็นสิ่งฝึกฝนวิริยะในการตื่นรู้ให้ตื่นจากความหลงความโลภความโกรธ จิตจึงเป็นอิสระ จากเครื่องผูกมัดกายใจ ลด ละ อัตตา เชื่อมโยงจิตวิญญานความรัก ความศรัทธา ด้วยความรัก ความเมตตา ความศรัทธา และความเคารพซึ่งกันและกัน ให้จิตตื่นรื่นเริงยินดีในการให้ มีความรัก ความเมตตา การให้อภัย อ่อนน้อม อ่อนโยน อ่อนหวาน อันเป็นสุดยอดแห่งเสน่ห์ เมตตามหานิยม ที่มีอำนาจมหาศาลในการดลบันดาลทุกๆ สิ่งให้สมใจปรารถนา
"สีผึ้งนางมัทรีอิ่นทราวดี" นี้มีฤทธิ์ทางใจ ออกฤทธิ์ทางวาจาการเจรจา ทำให้คนทั้งหลายเมตตารักใคร่ บังเกิดเมตตามหานิยม ใครเห็นก็รัก จากไปก็อาลัยคิดถึง เจรจาสิ่งใดก็น่าเชื่อถือ เข้ามาอุดหนุนแล้วก็อยากเวียนมาอีก ทั้งหมดนี้เป็นไปด้วยแรงเมตตา โชคลาภหลั่งไหล หนุนดวงเสริมวาสนาบารมี ก่อนจะใช้ .. ให้ตั้งจิตแน่วแน่ สวดคาถาปลุกฤทธิ์อิ่น .. แล้วอธิษฐานใช้ตามความปรารถนาใช้ได้ครบทุกๆ ด้าน เพียงแต่ว่าเจตนาของผู้ใช้ จะประสงค์สิ่งใด สำคัญ!! อยู่ที่จิต ขอให้จิตนิ่งแน่วแน่ ระลึกถึงครูบาอาจารย์ อยู่ในศีลธรรมคุณงามความดี ก็จะสำเร็จได้ดั่งอัศจรรย์ !!!
ผู้ใดมีสีผึ้งนางมัทรีอิ่นทราวดีไว้ติดตัว ย่อมมีอำนาจเหนือจิตใจของเพศตรงข้าม มีอำนาจในทางดึงดูดเพศตรงข้าม ทำให้เพศตรงข้ามคิดถึงตัวเราเสมอๆ เกิดความรักความต้องการที่จะใกล้ชิด สีผึ้งนางมัทรีอิ่นทราวดีเป็นเครื่องรางที่ดลบันดาลความรัก ความผูกพัน หากใครที่อยากมีความรักและอยากให้เขาก็รักเราเช่นกันก็ให้บูชาติดกายไว้หมั่นสวดปลุกฤทธิ์อิ่น ท่านว่าจะได้สมดั่งใจแลฯ
สีผึ้งนางมัทรีอิ่นทราวดี มหาเสน่หาพารวย พูดอะไรคนรัก พูดไปได้โชคได้ลาภ ติดตัวไปค้าขาย ขายดีขายได้ ทำสิ่งใดสำเร็จ ผู้บูชาสีผึ้งนางมัทรีต้องเป็นผู้ที่วาจาดี พูดแต่สิ่งดีดี พูดดี ดีเข้าตัว พูดชั่วเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์แยกแยะไม่ได้ว่าสิ่งใดเราต้องการ สิ่งใดเราพูดเพ้อเจ้อประชดประชัน ครูบาอาจารย์ท่านจึงสอนว่า..หมั่นสวดคาถา หมั่นอธิษฐานจิต ขอได้ทุกเรื่อง ขอให้จริง แล้วทำให้จริง ประพฤติตนให้สอดคล้องกับคำอธิษฐาน แล้วจะสำเร็จสมปรารถนาทุกปราการแลฯ
ประสบการณ์จากผู้บูชาจำนวนมาก เห็นผลกันแบบอัศจรรย์ทันตาทันใจบ้าง ไม่ทันใจทันตาบ้าง แต่หมั่นป้าย หมั่นทา หมั่นสวดคาถาบูชา สิ่งดีดีก็ไหลหลั่งเข้ามาแทบรับไม่ไหวกันหลายคนหลายท่าน การจะให้เห็นผลดียิ่งนั้น ครูบาอาจารย์แนะให้บูชาร่วมกับการจุดเทียนบูชา ไม่ว่าจะเป็นเทียนมหาเศรษฐีดวงดี เทียนจักรพรรดิ์ เทียนพระเพรชกลับ เทียนผัวแก้วเมียแก้ว เทียนเสน่ห์จันทร์ หรือดวงประทีปอธิษฐาน เพราะการใช้สีผึ้งนางมัทรีเป็นการบูชาเพื่อหวังผลทางโลก และคาถาก็เป็นคาถาที่เน้นสุขทางโลก หากได้บูชาเทียนเสริม บุญบารมี อำนาจ ตบะ เดชะ ก็ยิ่งทำให้จิตมีกำลัง เพิ่มฤทธิ์อำนาจดลบันดาลได้แบบฉับพลันทันใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น