เคยถามตัวเองไหมว่า “ทำไมฉันจึงรักเธอ” เมื่อเริ่มต้นรู้สึกว่ารักใครสักคนหนึ่ง บางครั้งมันอาจเป็นรักแรกพบ บางครั้งมันอาจจะเป็นความรักที่เกิดขึ้นโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว รู้อีกทีก็รักเขาเข้าแล้ว
ในยามที่เรามีความสุขเราอาจไม่สนใจอยากหาคำตอบมากมายว่า“ทำไมฉันจึงรักเธอ”เพราะเมื่อใดที่เรามีความสุขโดยมากเรารู้สึกพอใจความรู้สึกพอทำให้ไม่ได้คิดค้นอยากหาข้อเสีย หรือคิดคำถามให้ต้องหาคำตอบ
แต่เมื่อเวลาที่เราทุกข์ ที่เราเสียใจ บางคนก็อาจมีคำถามขึ้นมาว่า ทำไมฉันจึงรักเธอหรือฉันรักเธอไปได้ยังไง(เนี่ย!) เพราะเธอนั้น หน้าตาก็ไม่หล่อเหมือนเคนธีรเดชไม่ได้รวยเหมือนบิลเกตส์ แถมยังช่างใจร้ายใจดำ ทำกันได้ลง และอื่นๆ.... (มากมายแล้วแต่ว่าอะไรจะผุดขึ้นมาในหัวเวลาโกรธ) แต่ก็ยังไม่พบคำตอบอยู่ดี ^^
ในทางพุทธศาสนา เราเชื่อว่าอะไรใดๆ ไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ การที่เราจะได้เป็นคู่รัก และครองคู่กับใครนั้นย่อมมีเหตุ
“เหตุที่ทำให้เรามีคู่ก็มาจากกรรมเก่าที่เคยร่วมทำกันมา และจะคบหายืนยาวอยู่ได้ด้วยร้ายด้วยดีต่อๆไปนั้น มาจากกรรมที่ทำเอาไว้ในปัจจุบัน กล่าวกันง่ายๆ คือ จะคบแล้วมีความสุข หรือทุกข์ เป็นผลของกรรมซึ่งสะท้อนสิ่งที่ผู้รับผลนั้นกระทำมาก่อนทั้งอดีตชาติ และชาติปัจจุบันทั้งสิ้น”
ดังนั้นหากมีความทุกข์จากรักขึ้นมา ถ้าจะถามว่าทำไมเราต้องมาทุกข์ใจกับคนๆนี้ ก็ต้องตอบว่ามันเป็นผลมาจากกรรมที่คนทั้งสองได้ทำร่วมกัน และที่เราทำมา กรรมเก่าพาเราลงมาติดกับ
“กรรมมันเริ่มส่งผลตั้งแต่วันแรกที่ใจคุณเข้าไปผูกกับเขา กรรมส่งผลที่ใจให้มารัก ให้มาหลง บังตาไว้ไม่ให้เห็นความสมเหตุสมผลทั้งหลาย หรือรู้ทั้งรู้ก็ยังรัก ถูกดูดเข้าไปใช้กรรม”
“ที่ว่าความรักทำให้คนตาบอดต้องกล่าวให้เป็นธรรมขึ้นว่า ‘กรรมบังตา’ คือกรรมบังคับใจให้ไปรู้สึกติดใจ ชอบ ใช่ รัก ผูกพันกับคนที่จะนำเราไปรับผลที่เราเคยก่อไว้ทั้งดีและร้ายนั่นเอง”
เริ่มตั้งแต่ต้นที่จะรู้สึกดีกับใคร ก็กรรมกำหนด ที่จะไปได้เจอกันในเวลาที่แสนจะพอดีอย่างไรก็กรรมกำหนด กรรมจัดฉากไว้ให้ต้องไปเจอ และรู้สึกไปอย่างนั้น จนกระทั่งจิตส่งออก ทะยานออกไปเกาะเกี่ยวยึดไว้ หลงไปยึดเอาว่าของเรา คนของเรา ไปแปะป้ายว่า นี่เป็นคนที่เราต้องการ นี่เป็นแฟนเรา ต้องดีกับเรา ห้ามไปดีกับคนอื่น พอเชื่อใจ คลายความคลางแคลง มั่นใจว่าใช่แน่ๆ มอบทุกอย่างให้หมด อาจจะแต่งหรือไม่แต่งก็สุดแท้แต่ ก็จะถึงเวลาที่ของจริงส่งผล แสดงตัวจริงของจริงให้เห็น ใจก็ “จี๊ด” ขึ้นมาจนกระทั่งต้องไปถาม อาจจะเริ่มด้วยการถามเพื่อน หรือไม่ก็ไปถามเจ้าคู่กรณี ว่าเดิมไม่ใช่อย่างนี้ ทำไมเปลี่ยนไป ที่รับปากไว้ ที่สัญญาไว้ ทำไมไม่ทำ ปรับโทษ อาละวาด ตีโพยตีพาย
กรรมทั้งนั้น……
ซึ่งไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ถ้ายังมีความเห็นยึดมั่นว่า ความรู้สึกเป็นเรา ความคิดนี้เป็นของเรา ก็จะเชื่อความรู้สึกและความคิด โดยจะหลง คิดไปเองแต่แรกว่าเขาคนนั้นต้องดีอย่างนั้นอย่างนี้ คือมีใจพร้อมจะเชื่อไปก่อนอยู่แล้ว พอเขาพูดโน่นพูดนี่นิดหน่อยก็ทึกทักเอาเองว่าต้องใช่อย่างนั้น(อย่างที่ใจขอมา)แน่นอน เราจึงพร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ เป็นคู่ มีความสัมพันธ์ หลงรักคนที่ในอนาคตต่อไปจะรานน้ำใจเราซึ่งเป็นผลจากการที่เราเชื่อความรู้สึกและความคิด (ไปเอง) “ของเรา” ที่กรรมส่งมาจนในที่สุดมาพบความจริงว่า เขาไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด เป็นเราที่เข้าใจผิดไปเชื่อใจที่สั่งมาเอง แต่กว่าจะถึงตอนนั้น แทนที่จะรู้ตัว เห็นตามจริงว่าเป็นเราที่คิดไปเอง ก็กลายเป็นโทษกันระหว่างสองฝ่ายไปแทนว่าไม่รักษาสัจจะวาจาที่เคยมีให้กันสมัยความหลงยังครอบงำอยู่ และสร้างกรรมใหม่ต่อกันไปเสียอีกโดยไม่ได้ใช้หนี้กรรมเก่าเลย
อธิบายเป็นกงกรรมกงเกวียน หรือกฎแห่งกรรมก็คือ กรรมเก่าของเรา กรรมใหม่ของเขา มันเป็นวงจร เพราะกรรม (๑) ที่เราเคยทำไว้ส่งผลให้เรามาเจอกับคนที่มีอนุสัย(นิสัย)แบบนี้เพื่อส่งผลทางใจให้เขาทำกรรม (๒) กับเรา (ตามที่เราเคยทำกับคนอื่นให้ทุกข์แบบนั้น) ซึ่งคนที่ก่อกรรม (๒) กับเราก็จะต้องไปรับผลที่ทำกรรม (๒) โดยไปเจอกับคนที่ก่อกรรม (๓) และทอดต่อๆ สืบกรรมกันไปเป็นวงจรอุบาทว์ที่ไม่มีวันจบ วนไปวนมาอย่างนี้และซับซ้อนยิ่งๆขึ้น การตัดวงจรก็ควรตัดที่ส่วนของเราให้ได้ก่อน เป็นการชิงออกจากเกมงูกินหาง โดยกรรมจะหมดช้าจะหมดเร็วนั้น ขึ้นอยู่กับที่แต่ละคนสะสมไว้
กฎแห่งกรรมนั้นไม่เคยไม่เที่ยงตรง สร้างเหตุไว้อย่างไรก็ย่อมได้รับผลเช่นนั้นแน่นอน ที่จะไม่ยอมรับเพราะบอกว่าเราดีกับเขา แต่เขาไม่ดีกับเรานั้นจึงเป็นการเข้าใจผิดของเราเองที่ว่า เราทำกรรมกับคนนี้อย่างไร คนนี้จะต้องทำกรรมแบบเดียวกันกับเราคืนมาเป๊ะๆเดี๋ยวนี้ตอนนี้ (ลองคิดง่ายๆว่าเราดีกับทุกๆคนที่เข้ามาดีกับเรา ตอบแทนเขาได้เท่าที่เขาทำให้เราหรือเปล่า) เช่น เราคิดว่าเราดีกับแฟนคนนี้ แฟนคนนี้ก็ต้องดีกับเรา จึงจะเรียกได้ว่า ทำดีได้ดี ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว “กรรมจะเลือกจัดสรรให้เราได้รับผลทั้งร้ายและดีที่เราเคยทำไว้แน่นอน แต่ไม่จำเป็นต้องได้รับตอบจากคนๆ เดิมที่เราเคยทำเสมอไป”
เช่นกรรมที่เราเคยทำไว้กับพ่อแม่ อาจจะเคยพูดไม่ดีกับท่าน ทำให้ท่านเสียใจ เราก็อาจได้รับผลนี้จากแฟน จากเพื่อนที่ทำงาน และคนอื่นๆได้ เพราะเราไม่เคยแคร์พ่อแม่ เราจึงพูดไม่ดีกับท่าน และเพราะว่าเราไม่แคร์ท่าน ดังนั้นถ้าท่านพูดไม่ดีกับเรา เราก็อาจจะไม่รู้สึกเจ็บช้ำแบบเดียวกัน กรรมจึงจะจัดสรรให้เราพบ เราเจอ เรายึด เรารักคนๆใหม่ ที่จะสามารถดึงดูดให้เราต้องทุกข์ แบบเดียวกับที่พ่อแม่ทุกข์มากเพราะรัก เพราะยึดเรามาก
ดังนั้นเวลาจะกล่าวอ้างถึงกฎแห่งกรรมนี้ ก็ต้องใช้กับทั้งสองข้าง อย่าใช้ข้างเดียว อย่างที่มักจะได้ยินใครหลายคนพูดกันเป็นประจำ เวลาเผชิญกับคนไม่ดีที่มาทำสิ่งที่เขาไม่ชอบใจว่า“เดี๋ยวมันก็เห็น ว่ากรรมมีจริง” หรือ “ทำกับเราอย่างนี้ เดี๋ยวกรรมก็สนองเข้าให้บ้าง” นี่คือการเข้าใจข้างเดียวเพราะถ้าเข้าใจอย่างถ่องแท้และมองอย่างเป็นกลางจะรู้ว่า กฎแห่งกรรมได้ให้ผลกับคนที่กล่าวเช่นนั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ที่มา : sangtean-because-of-love
" อิ่น " คือเครื่องรางแห่งความรัก ความเมตตา กรุณาปราณี เป็นวิชามหาเสน่ห์ชั้นสูงของคนล้านนาโบราณ รูปคนกอดกัน คือการหลอมรวมให้เป็นหนึ่งเดียว ความรักเมตตากรุณาจากหัวใจไหลรินสู่กันและกัน ถ่ายทอดความอ่อนโยน การยอมรับกันและกัน ส่งพลัง กำลังใจความห่วงหาเอื้ออาทรแห่งความรัก ความเมตตา การให้อภัย เติมเต็มจิตวิญญาน เกิดเป็นความสมบูรณ์แห่งพลังชีวิต นำไปสู่การก่อกำเนิดทุกสรรพสิ่ง เกิดความสมดุลย์ สมบูรณ์พูนสุข ความมีชีวิตชีวา ความสำเร็จ ความมั่งคั่งล้นเหลือ ความสมปรารถนานานัปประการของชีวิต
ด้วยเหตุนี้ เจ้านายชนชั้นสูงในสมัยล้านนาโบราณ จึงให้คุณค่าและความสำคัญ กับเรื่องมหาเสน่ห์เมตตาเป็นอย่างยิ่ง ครูบาอาจารย์ด้านไสยเวทย์ จะปรุงน้ำมัน สีผึ้ง ว่านยามหาเสน่ห์ สร้างเครื่องรางคง เข้ม ข่าม ขลัง ด้านมหาเสน่ห์เมตตามหานิยม ไว้ให้ลูกหลาน ลูกศิษย์ ไว้บูชา เพื่อค้ำคูณพลังจิตกำลังใจหนุนดวงเสริมชะตา ให้ชีวิตดี ไร้อุปสรรค มีความสุข ทำสิ่งใดก็สำเร็จโดยง่าย เสริมราศีอำนาจวาสนา ให้ประสบความสำเร็จ ทั้งเรื่องครอบครัว ความรัก หน้าที่การงาน และความมั่งคั่งทางการเงิน
คุณวิเศษของอิ่น
ใช้ทางเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้พันช่อง (สารพัดทางเสน่ห์) ใช้บูชาเพื่อให้คนในบ้านรักกัน ใช้ทางโชคลาภ เงินทอง ค้าขาย ทำมาค้าขึ้น เรียกทรัพย์ลาภผลข้าวของเงินทอง ครอบครัวคนในบ้านจะชุ่มเย็น จิตใจชุ่มเย็น อิ่นเป็นตัวแทนของการเกิด ความงอกงาม และ ความสมดุล (หยิน หยาง)
คนล้านนาเชื่อว่าการที่ได้มีอิ่นไว้บูชาจะทำให้มีคนเมตตารักไคร่ มีไว้กับบ้านเรือน จะทำให้คนในบ้านนั้น ครอบครัวนั้น รักใคร่กลมเกลียวกัน หากมีไว้บูชากับตัวเราก็จะทำให้มีเสน่ห์ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยโชคลาภ ข้าวของเงินทองไหลมาเทมา อิ่นจึงเป็นเครื่องรางที่นิยมตั้งแต่ล้านนาในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ถึงตอนนี้อิ่นยังได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย
อันว่า " อิ่น " เมตตามหาเสน่ห์นั้น จุดประสงค์แห่งครูบาอาจารย์คือ " ต้องการให้ผู้ที่บูชาอิ่นติดกายมีจิตเมตตาเป็นที่รักน่าเมตตาเอ็นดู " คงไม่มีใครปฎิเสธว่าไม่อยากให้มีใครมารัก มาเอ็นดู ไสยเวทย์ทางเสน่ห์เมตตาจึงเกิดขึ้นเพื่อช่วยเสริมวาสนา หนุนชะตาราศี ให้กับผู้ที่มีชะตาต่ำเรื่องเสน่ห์ เมตตา มหานิยม ไร้คนรักใคร่เอ็นดู บางคนพูดจาอะไรคนก็ไม่เชื่อถือ ไม่ชอบหน้า ไม่อยากฟัง คอยกดข่ม รังเกียจ รังแก อยู่ร่ำไป มีความรักก็ต้องเป็นรอง ค้าขายก็ไร้เสน่ห์เรียกลูกค้า เงินทองขาดมือ ทำธุรกิจการใดใด ก็ไร้คนเมตตา ค้ำคูณช่วยเหลือ ปัญหาจากเรื่องเล็กๆ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะคนรอบกายไร้ซึ่งความเมตตาเอ็นดู ต้องตกเป็นเบี้ยรองบ่อน โดนเขาเอาเปรียบรังแกอยู่ร่ำไป
ความปรารถนาแห่งครูบาอาจารย์ ท่านจึงสร้างปลุกเสกสรรพเครื่องรางมหามงคล ด้านมหาเสน่ห์ เมตตาโชคลาภ มหานิยม ไว้เกื้อหนุนค้ำคูณผู้มีชะตาต่ำเช่นนี้ให้สามารถดำเนินชีวิตในวิถีทางโลก วิถีแห่งมนุษย์ ได้มีสุข สงบ ประสบความดี ความสำเร็จตามปรารถนา
" หากมนุษย์ผู้ใดถือวิสัยในการครองอยู่เรือน
จิตใจของเขาย่อมมีกิเลสเจือปนมาไม่มากก็น้อย
ต่างคนต่างก็คิดว่า ทุกคนที่ได้พบเห็นมีศักดิ์ต่ำ มีศักดิ์สูง
ทั้งๆที่ความจริงนั้นมิมีอันใดเลย
ผู้ที่คิดว่าเขาศักดิ์สูง
เพราะเขาเจือปนกับผู้ที่ด้อยกว่าเขาในบางเรื่องของชีวิต
ผู้ที่คิดว่าเขาศักดิ์น้อย
เหตุเพราะเขาได้เจือปนคุ้นเคย
อยู่ในหมู่คนที่มีข้าวของเงินทองมากกว่าเขา
สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะความคิดพิจารณาแห่งเขา
โดยมีผู้รองรับฐานความคิดคือ " จิต " ของเขา
เมื่อผู้ใดคิดว่าตนเองนั้นด้อย
จิตของเขาในตอนนั้น
จะมีความเข้มข้นของพลังด้านบวกน้อย
เพราะจิตภายในของเขาผู้นั้นหดหู่
เมื่อผู้ใดคิดว่าตนเองนั้นเหนือผู้ใด
จิตของเขาในตอนนั้น
จะมีความหนาแน่นของพลังด้านบวกมาก
เพราะจิตของเขานั้นฮึกเฮิม
หากผู้ที่มีชะตาด้อยกว่าเขานั้น
จะต้องหล่อหลอมจิตใจของตน
ให้มีพลังอำนาจอยู่เหนือจิตใจผู้ใด
ผู้นั้นจึงจะมีชีวิตอันสมบูรณ์ไม่ด้อยกว่าผู้อื่น
แต่เหตุที่จะหล่อหลอมจิตผู้นั้นให้มีพลังอำนาจสูงสุด
ก็ต้องมีเครื่องช่วยเติมเต็มภายในชีวิตเขา
สิ่งนั้นคือ ..
" เครื่องรางที่เสริมพลังจิตด้านบวก มีฤทธิ์อิทธิคุณด้านเมตตา มหาเสน่ห์ "
" อิ่นเมตตาหลวง " จึงประสิทธิ์ขึ้นมาเพื่อเสริมให้ผู้ที่ถือวิชา มีพลังอำนาจทางด้านมหาเมตตา มหาเสน่ห์ คนรัก คนหลง คนนิยม คนทั้งหลายเอ็นดู ปลุกเสกด้วยมหาเวทย์คาถา มวลสารอันศักดิ์สิทธิ์ ผสานมหาอำนาจแรงจิตแห่งครูบาอาจารย์ ประสิทธิ์ลงสู่อิ่นให้มีอำนาจเหลือล้นสูงเกินกว่ากำลังจิตเดิมของผู้บูชาอิ่น อันเป็นพลังบวก คลื่นพลังงานแห่งความดีงาม ความรัก ความเมตตา มหาอำนาจ เมื่อกระแสพลังนี้ไปกระทบจิตผู้ใด เขาจะไม่มองว่าเราต่ำต้อยด้อยกว่าเขา คลื่นพลังจิตเราจะเหนือว่าเขา เขาก็ยอมเรา จะเมตตาเรา รักใคร่เอ็นดู เกื้อกูล อุดหนุนค้ำชูเรา ที่โกรธเกลียดจะให้อภัยกลายเป็นรัก ที่เอาเปรียบก็จะมาช่วยเหลือค้ำคูณกัน ที่ร้างรา ก็จะคิดถึงอาวรณ์ห่วงหากัน อยากอยู่ใกล้ๆ อยากช่วยเหลือดูแล. เกิดความเมตตาผูกพัน
ท่านว่า..ใครบูชาอิ่นถูกใช้อิ่นเป็น ผู้นั้นจะมีมหาอำนาจ มหาเสน่ห์เมตตามหานิยมในตนเองอย่างประมาณมิได้เลย ความรัก ความสุข เงินทอง ทรัพย์สิน ลาภยศ จะหลั่งไหลเข้ามามิขาด คิดสิ่งใด ปรารถนาสิ่งใด แม้ว่ายากเกินกำลัง สิ่งนั้นก็จะสำเร็จทุกประการแล !!!
"อิ่นเมตตาหลวง" เนื้อดินทราวดีโบราณ และดินอาถรรพ์จาก10สถานที่สวยงามคนนิยม ดิน10 ร้านอาหารขายดีมากคนนิยม มีมวลสารว่านมงคล ว่านยามหาเสน่ห์เมตตาครบสูตร แก้วโป่งข่ามรัตนชาติศักดิ์สิทธิ์บด 12 ชนิด กาฝาก9ชนิด กาฝากกาหลง-รักซ้อน-มะยม-มะรุม-มะขาม -ขนุน--ยอ-คูณ-พยูง (อานุภาพกาฝาก คือ ได้อะไรมาง่ายๆป้อนถึงปาก ชีวิตไม่ลำบาก มีมหาเสน่ห์ดึงดูดจิตผูกมัดใจผู้คน มีเมตตา มหานิยม มหาอำนาจ มั่งมีโชคลาภ ค้าขายดี แคล้วคลาด กันภัย*) และมวลสารอาถรรพ์ทนสิทธิ์อันเป็นความลับจากปั๊บสาตำราไสยเวทย์ล้านนาโบราณ
"อิ่นเมตตาหลวง" ปลุกเสก ปั้น เผา ร่ายเวทย์เรียกสูตรครบธาตุ "ดิน น้ำ ลม ไฟ " ปลุกคาถาแช่น้ำมันจันทร์หอมและว่านยามหาเสน่ห์ 108 อาบแสงจันทร์ 22 คืนเพ็ญ ร่ายมนต์เรียกสูตรปลุกอักขระด้วยวิชาเร้นลับจนเกิดวิญญานธาตุภายใน มีฤทธานุภาพด้านมหาเสน่ห์ เมตตา มหานิยม มหาอำนาจ ดลบันดาลได้พันช่องพันเรื่อง ตามแต่อธิษฐาน
หมั่นสวดบูชาคาถาปลุกฤทธิ์อิ่น ค่ำเช้า ตั้งใจสวดกี่จบก็สวดตามนั้น (ยิ่งมากยิ่งดี)
แต่จบสุดท้ายให้สวดแบบ"ปิดทวาร" แล้วจึงตั้งจิตตั้งใจอธิษฐาน
ปรารถนาสิ่งใดอย่างแรงกล้าให้เขียนกำกับไว้ แล้วใส่ไว้ในตัวอิ่น โดย..เขียนชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิดเจ้าของอิ่น และคำอธิษฐาน ใส่กระดาษเล็กๆ ม้วนบรรจุไว้ภายในตัวอิ่น ให้ขอทีละเรื่องทำทีละอย่าง ทุกครั้งที่สวดคาถา ให้สวดด้วยจิตอันประภัสสร สุข สว่าง สะอาด สงบ คิดถึงแต่ภาพที่ต้องการมี ต้องการได้ ต้องการเป็น พูดในถ้อยคำอันไพเราะอ่อนหวาน เป็นมงคล ไม่ด่าไม่สาปแช่งใคร
พกอิ่นติดตัวไว้เป็นสุดยอดเสน่ห์เมตตา คู่รักคู่สามีภรรยาให้สอดไว้ใต้เตียงนอนทุกค่ำคืนหลังสวดคาถาปลุกฤทธิ์อิ่น จะรักใคร่เมตตาถวิลหากันมิเสื่อมมิคลายเลย ยามเข้าตาจนหน้าสิ่วหน้าขวานหาทองออกไม่ได้ นำอิ่นออกมาสวดคาถาแบบปิดทวารแล้วอธิษฐาน ด้วยจิตนิ่งแน่วแน่เชื่อมั่นศรัทธา ปาฎิหาริย์จะบังเกิด!!!
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
คุณต้องจำไว้ว่า
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตัดกระดาษขนาดประมาณ 1.50 เซนติเมตร x 3 เซนติเมตร
เขียนชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สองคู่รัก หากไม่ทราบวันเดือนปีเกิดเขาก็ให้เขียนแค่ ชื่อ นามสกุล เท่าที่รู้ และคำอธิษฐาน แล้วม้วนกระดาษใส่เข้าไปภายในตัวอิ่น
***ณ ขณะที่ตัดกระดาษ ลงมือเขียนอักษร จิตใจต้องสงบนิ่ง จิตต้องประภัสสร สุข สว่าง สงบ สดใส มีความเบิกบาน มีความสุขในแบบที่เราต้องการมี ต้องการเป็นต้องการได้ ระลึกให้เห็นภาพเรากับคนที่เรารักอย่างมีความสุขใจ เบิกบาน มีความรักความเมตตาความปรารถนาดี ส่งไปถึงเขา ส่งความรักความเมตตาไปกระทบจิตเขา นึกให้เห็นภาพเขา หากยังมีความกังวล หม่นหมอง เศร้าใจ อย่าเพิ่งเขียนเด็ดขาด รอให้จิตสงบๆก่อนค่อยเริ่ม จงจำไว้ว่า อิ่นจะดลบันดาลในสิ่งที่คุณ ทำ พูด คิด อธิษฐาน และแสดงออก.. อิ่นจะแยกแยะไม่ได้ ว่าอันไหนคุณบ่น คุณประชด และอันไหนคือคุณอยากได้จริงๆ
❌❌หากขอเรื่องอื่นๆ เช่นขอเงิน ของาน ก็คิดให้เห็นภาพว่าเรามีเงินจำนวนมากๆ ได้งานที่รักพอใจแล้วจริงๆ
❌❌หากขอเรื่องค้าขาย ก็ให้นึกภาพที่เราต้องการให้เกิดขึ้น คนหลั่งไหลมาซื้อของเรามากมาย เงินทองกองล้น สินค้าขายดีมาก
❌❌หากขอให้หมดหนี้สิน ก็ให้นึกภาพเรามีเงินทองมากมาย งานดี เงินดี ค้าขายดี ชีวิตดีมีความสุข
❌❌หากขอให้ผู้ใหญ่เมตตา คู่ค้าคู่ความเอ็นดูเมตตาให้ประโยชน์โชคลาภ ก็ให้นึกถึงหน้าเขาด้วยจิตใจที่ดีงาม มีความรัก ความกรุณาปราณีเมตตาต่อเขา
💥 สวดแบบปิดทวารก่อนอธิษฐานทุกครั้ง❗️❗️
❌❌อย่าลืมว่า "ต้องกระทำ" ให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราอธิษฐานด้วย ทั้งการกระทำ คำพูด ความคิด ไม่ใช่อธิษฐานให้ขายดีแล้วนอนเกาพุงฝันหวานรอ ต้องทำงาน มีมานะ วิริยะ อุตสาหะ ต้องคิดพัฒนาร้าน คิดพัฒนาสินค้า เตรียมพร้อมรับลูกค้ามากมาย และเงินก้อนใหญ่ เพื่อให้ปาฎิหาริย์เกิดและคำอธิษฐานเป็นจริง
การเขียนคำอธิษฐาน ถ้าไม่ใช่เรื่องความรัก ก็เขียนชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิดของเจ้าของอิ่น และคำอธิษฐาน 1 เรื่องที่สำคัญยิ่ง ต้องการด่วน ลงไป
"คาถาสีผึ้งนางมัทรี" สวดปลุกอิ่น ไม่ต้องว่า นะโมก่อน เพราะเนื้อคาถาเป็นเรื่องทางโลก ให้ว่าคาถาเลย เมื่อท่านบูชาอิ่น จงเข้าใจเคล็ดลับไสยเวทย์แห่งอิ่นด้วยว่า อิ่นคือความรัก ความเมตตา กรุณาปราณี อิ่นทำให้คนรักกัน เมื่ออยากได้ความรัก จงให้ความรักก่อน อิ่นดลบันดาลความมั่งคั่ง ลาภ ยศ เงินทอง ความสำเร็จ ท่านก็จงเป็นผู้หมั่นทำทาน รักษาศีลเป็นนิตย์ อิ่นมีฤทธิ์ทางมหาเสน่ห์เมตตา มหานิยม ท่านก็จงเป็นผู้มีจิตใจงามวาจาอ่อนหวาน พูดถ้อยคำมงคลอยู่เสมอ เพียงทำได้ดั่งนี้ "อิ่นเมตตาหลวง" ก็จะมีอำนาจดลบันดาลได้ดั่งแก้วสารพัดนึก
"อิ่นเมตตาหลวง" คือจิตใจอันเมตตากรุณามีไมตรีจิต จิตเมตตากรุณาทำสิ่งใดย่อมสำเร็จ เป็นมหานิยม อุดมโชคลาภ "อิ่น"แทนกำเนิดทุกสิ่ง สัตว์ ภูติ เทวดา มาร พรหมล้วนเคยเกิดในโลก คนใช้อิ่นในทางชั่ว ย่อมมัวหมองบาปกรรมย่อมตามสนอง บาปกรรมจองเวรตามไปทุกชาติภพ " อิ่น " เป็นตัวช่วยในเรื่องโลกๆ ที่ยังต้องกินต้องใช้ไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรม ไม่ใช่เอาไปผิดศีล ทำร้ายทำลายกดข่มผู้อื่น ทุกศาสตร์ย่อมมีความหมาย ทุกความหมายย่อมพ้นความงมงายด้วยปัญญา คนดีจึงใช้ของดี ของดีย่อมทำลายใจอกุศล คำสาปวิชาจึงมีไว้ ผู้ทำกรรมเช่นใดย่อมได้รับผลเช่นนั้น
อิ่นหรือรูปชายหญิงกอดกัน แสดงการกำเนิดแห่งสันตติในสมดุลรูปนาม แทนการตื่นรู้ด้วยเมตตากรุณาต่อสรรพชีวิต เป็นการกำเนิดแห่งอวิชชาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า #ภพชาติเป็นสิ่งฝึกฝนวิริยะในการตื่นรู้ให้ตื่นจากความหลงความโลภความโกรธ จิตจึงเป็นอิสระ จากเครื่องผูกมัดกายใจ ลด ละ อัตตา เชื่อมโยงจิตวิญญานความรัก ความศรัทธา ด้วยความรัก ความเมตตา ความศรัทธา และความเคารพซึ่งกันและกัน ให้จิตตื่นรื่นเริงยินดีในการให้ มีความรัก ความเมตตา การให้อภัย อ่อนน้อม อ่อนโยน อ่อนหวาน อันเป็นสุดยอดแห่งเสน่ห์ เมตตามหานิยม ที่มีอำนาจมหาศาลในการดลบันดาลทุกๆ สิ่งให้สมใจปรารถนา
อิ่นมหาเสน่ห์อันดับหนึ่งเบญจภาคีเครื่องรางล้านนานี้ เล่าขานกันว่า..อิ่นเป็นเครื่องรางชั้นสูง บ้านใดมีอิ่นไว้ในบ้านๆนั้นก็จะมีแต่ความรักไม่มีเรื่องให้ทะเลาะหรือผิดใจกัน เป็นเครื่องรางที่ควรมีติดกาย ติดบ้านเรือน ติดห้องนอนห้องหอ ชนชั้นสูง เจ้าขุนมูลนาย จะหวงแหนกันมาก จะมอบอิ่นอันศักดิ์สิทธิ์ของพ่อแม่ไว้ให้ลูกหลานในวันแต่งงาน และเป็นของขวัญสูงค่าที่คนรักจะมอบให้แก่กันและกัน
อิ่นเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก แรงมากในด้านมหานิยมมหาเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม เป็นที่หนึ่งด้านมหาเสน่ห์ มหานิยม ช่วยในเรื่องการเจรจาค้าขาย เข้าหาเจ้านาย เป็นที่รักของคนและเทวดา รวมไปถึง แคล้วคลาดปลอดภัย มีอำนาจดลบันดาลพันช่องพันประการ กันภูตผีปีศาจ แม้แต่เทวดาอยู่บนชั้นฟ้า ยังต้องลงมาปกปักรักษาดูแลผู้ที่มีอิ่นไว้ครอบครอง
อิ่นเมตตาหลวงนี้ มีฤทธิ์ทางใจ ออกฤทธิ์ทางวาจาการเจรจา ทำให้คนทั้งหลายเมตตารักใคร่ บังเกิดเมตตามหานิยม ใครเห็นก็รัก จากไปก็อาลัยคิดถึง เจรจาสิ่งใดก็น่าเชื่อถือ เข้ามาอุดหนุนแล้วก็อยากเวียนมาอีก ทั้งหมดนี้เป็นไปด้วยแรงเมตตา โชคลาภหลั่งไหล หนุนดวงเสริมวาสนาบารมี ก่อนจะใช้ .. ให้ตั้งจิตแน่วแน่ สวดคาถาปลุกฤทธิ์อิ่น .. แล้วอธิษฐานใช้ตามความปรารถนาใช้ได้ครบทุกๆ ด้าน เพียงแต่ว่าเจตนาของผู้ใช้ จะประสงค์สิ่งใด สำคัญ!! อยู่ที่จิต ขอให้จิตนิ่งแน่วแน่ ระลึกถึงครูบาอาจารย์ อยู่ในศีลธรรมคุณงามความดี ก็จะสำเร็จได้ดั่งอัศจรรย์ !!!
ผู้ใดมีอิ่นไว้ติดตัวย่อมมีอำนาจเหนือจิตใจของเพศตรงข้าม มีอำนาจในทางดึงดูดเพศตรงข้าม ทำให้เพศตรงข้ามคิดถึงตัวเราเสมอๆ เกิดความรักความต้องการที่จะใกล้ชิด อิ่นเมตตาหลวงเป็นเครื่องรางที่ดลบันดาลความรัก ความผูกพัน หากใครที่อยากมีความรักและอยากให้เขาก็รักเราเช่นกันก็ให้บูชาติดกายไว้หมั่นสวดปลุกฤทธิ์อิ่น ท่านว่าจะได้สมดั่งใจแลฯ
คนที่มีคู่อยู่แล้ว คู่เหินห่างไม่ค่อยใยดี ท่านว่าให้นำอิ่นเมตตาหลวง พกติดตัวทำการอธิษฐานต่ออิ่น ไม่ช้าไม่นานคู่รักจะคืนดีด้วยอย่างน่าอัศจรรย์ คู่สามีภรรยาที่แตกแยกกัน สามีนอกใจภรรยา ภรรยานอกใจสามี จะกลับมารักใคร่กลมเกลียวกัน ส่วนคู่ที่รักกันอยู่แล้วก็จะรักยิ่งๆ ขึ้นไป ผูกจิตให้รักผูกใจให้คิดถึงคะนึงหามิรู้ลืม มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น ให้บังเกิดความเมตตารักใคร่

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น