วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

รักแท้นั้นมา..จากหนใด???




“ปุพฺเพ สนฺนิวาเสน..ปจฺจุปนฺนหิเตน วา , เอวนฺตํ ชายเต เปมํ..อุปลํว ยโถ ทเก ฯ” แปลโดยสรุปได้ว่า

ความรักนั้น เกิดขึ้นด้วยเหตุ 2 ประการนี้คือ
1. ด้วยเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ปางก่อน
2. ด้วยช่วยเหลือเกื้อกูลกันในปัจจุบัน

และในเรื่องของความรักก็เช่นกัน ที่เป็นเหตุและมีผลต่อเนื่องมาถึงการเป็นเนื้อคู่นี้ พระองค์ท่านมีพระบารมีสูงส่ง เกิดมาหลายภพชาติแล้ว กว่าที่จะตรัสรู้มาเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านจึงเห็นมาตลอดสาย ตลอดทางแล้วว่า

ความรักที่เกิดขึ้นของมนุษย์นั้น มีที่มาและที่ไปอย่างไรในทุกภพทุกชาติของมนุษย์ และเป็นจริงแน่นอนที่พระองค์ตรัสไว้ว่า การที่ความรักจะเกิดขึ้นมานั้น ต้องมีการอยู่ร่วมกันแต่ปางก่อนและเกื้อกูลช่วยเหลือกันมาด้วยในภพปัจจุบันเป็นส่วนประกอบสำคัญ

เรามาคิดกันแบบมนุษย์สมัยใหม่ทั่วไป ที่ยังมีวิบากกรรมมากมายติดตัวและพยายามที่จะดิ้นรนหาหนทางหลุดพ้น ก็พอจะมองออกและเข้าใจได้ง่ายๆ ว่า

สิ่งมีชีวิต 2 สิ่งนี้จะมามีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร ถ้าสองสิ่งนั้นไม่มีความเกี่ยวข้องเคยรู้จัก ช่วยเหลือดูแลกันมาก่อน ดั่งกองไฟที่เราเห็นลุกโชนนั้น มันต้องมีฟื้น มีเชื้อปะทุมันถึงจะติดลุกพรึ่บขึ้นมาได้ รถที่วิ่งไปวิ่งมาได้มันต้องมีเชื้อเพลิงขับเคลื่อน ร่างกายจะเคลื่อนไหวได้ต้องมีพลังงานมาสัมพันธ์กัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชาติปัจจุบัน คนเราถ้าไม่รู้จักกันแล้ว ไม่มีการปฎิกิริยาสัมพันธ์กันแล้ว จะมารักกันได้อย่างไร แม้จะพอรู้จักกันบ้าง ทุกวันจะพอเห็นหน้าค่าตา เดินสวนกันไปสวนกันมา ทำงานในที่เดียวกัน กินข้าวร้านเดียวกัน กลับบ้านทางเดียวกัน แต่ไม่มีปฎิกิริยาสัมพันธ์กัน

ไม่เคยมาแลกเปลี่ยนทางความคิด ไม่เคยที่จะมานั่งพูดคุยกัน มองตาซึ้งๆ กัน ไปเที่ยวเตร่เฮฮา ดูหนังดูละคร ไปวัดไปวาด้วยกัน หรือทำกิจกรรมอะไรร่วมกัน มันจะไปปิ๊งปั้งอะไรกันได้ เพราะมันไม่มีเหตุให้เกิดเลยสักนิด มันจะมีผลได้อย่างไรกัน ไม่ได้หว่านเมล็ดพืชลงไป ต้นไม้มันจะงอกออกมาได้อย่างไร

แม้แต่ความรักยุคอินเตอร็เน็ตที่เป็นปัญหาใหญ่ของสังคมนั้นในเวลานี้ ที่แอบแชทกันไปแชทกันมา ก็มารักกัน แต่งงานกัน หรือหลอกเอาไปทำปู้ยี้ปูยำกันนั้น มันมีเหตุที่ต้องมาเจอกันทั้งสิ้น มันมีกรรมลิขิตที่เคยทำร่วมกันมาช่วยผลักดัน คงไม่มีใครเก่งถึงขนาดไม่ต้องทำอะไร นั่งโทรจิตส่ง วิญญาณไปรักคนโน่นคนนี้กันได้ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุร่วมกันมา

เรื่องแบบนี้ ก็ขอให้ถือว่าเป็นเรื่องของวิบากกรรมที่ส่งผลแต่พอจะมีทางแก้ไขได้ ครูบาอาจารย์หลายท่านจึงสอนให้เร่งทำกรรมดีเพื่อไปบรรเทาทุเลาวิบากกรรมนั้นๆ และหมั่นถือศีล ซึ่งจะเป็นกำแพงที่จะกั้นในความชั่วที่จะเกิดขึ้นได้

ความรักนั้นพอจะแบ่งระดับออกได้เป็น 3 ระดับ

1.ความรักระดับอารมณ์ เป็นความรักที่เกิดขึ้นจากอารมณ์ล้วนๆ เป็นความต้องการเบื้องต้นของมนุษย์ คือ รูป รส กลิ่น เสียง เป็นความรักที่เกิดขึ้นง่ายและดับลงง่ายๆ แบบความรักของพวกวัยรุ่นวุ่นรักทั้งหลาย ชอบเพราะอารมณ์บอกว่าชอบ ยังไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับเลย ประเภทรักได้อย่างไรไม่รู้นั่นแหละ

2.ความรักระดับจิตใจ เป็นความรักที่เกิดขึ้นโดยการปรุงแต่งแล้ว สูงกว่าในระดับแรก รู้สึกรักเพราะสงสาร รู้สึกรักเพราะแพ้แต่คุณงามความดีของอีกฝ่าย รู้สึกรักเพราะมีความจำเป็นต่อชีวิต ส่วนมากจะเกิดขึ้น กับมีที่จิตละเอียดมากขึ้น มีเวลาไตร่ตรองในสิ่งที่เห็น ในสิ่งที่เป็น และเกิดขึ้น

3.ความรักในระดับวิญญาณ เป็นความรักแบบประณีตและเกิดขึ้นภายในจิตใต ที่มีความทรงจำเดิมมาช่วยโน้มนำ หรือเป็นขั้นที่สูงกว่าระดับจิตใจ เช่น การรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มันเป็นจิตใต้สำนึกแห่งคุณงามความดี ความรักในหน้าที่การงานที่ทำอยู่ รู้สึกมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ความรักในภูมิปัญญาแผ่นดิน ศิลปวัฒนธรรมต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น จัดว่าเป็นความรักระดับจิตวิญญาณที่ลึกที่สุด

สำหรับคนที่มีความรักต่อกัน แล้วมีเหตุแห่งวิบากกรรมทำให้ไม่ได้ครองคู่กันในชาตินี้นั้น ขอให้คิดปลงเสียว่า ว่ามันแค่เป็นเส้นทางชีวิตสองเส้นที่โดนกรรมลิขิตขีดเขียนไว้อย่าพยายามไปฝืน เพราะมันอาจจะทำให้เรื่องราวในชีวิตมันยุ่งเหยิงมากขึ้นกว่าเดิม

มันเป็นเส้นทางชีวิตที่ต้องเดินขนานกันไป มองเห็นกันข้างๆ พอได้ให้รู้สึกดี โมทนาในสิ่งที่เขาและเธอทำดี ถึงแม้จะจับต้องไม่ได้ เพราะไม่มีจุดใดในเส้นจะมาแตะหรือสัมผัสกันได้ ต่างคนต่างเดินจนสุดเส้นทางหรือจบเรื่องราวในภพนี้ไป

หลังจากนั้นก็ไปว่ากันใหม่ตามบุญตามกรรม หยุดเรื่องตรงนั้นว่าเป็นแค่เพื่อนกันก็พอ อย่าให้มีกามราคะ มาเป็นปัจจัยผลักดันให้กระทำกรรมไม่ดีต่อตนเองและผู้อื่น หรือที่เรียกว่า กิ๊กหรือชู้ไม่ว่าจะเป็นทางใจหรือทางกายก็ตาม มันไม่ดีทั้งสิ้น

และถึงแม้จะเคยอยู่ร่วมชาติกันมาแต่ปางก่อนก็จริง ในบางคู่ก็ต้องมานั่งกินแห้วหน้าเศร้าเฝ้าหลงรัก รอคอยไม่ได้ครองคู่กัน จะต้องมีเหตุที่มาจากวิบากกรรมมาตัดรอนและเป็นกรรมบีบคั้น มีอันต้องแคล้วคลาดกันได้เหมือนกันในชาตินี้ ทั้งๆ ที่อาจจะเคยเป็นเนื้อคู่กันก็จริงในปางก่อน

แต่ก็อาจจะเป็นแค่ลำดับเนื้อคู่ปลายๆ โน่นไม่ใช่ลำดับต้นๆ ดังนั้นตอนนี้จึงยังไม่ถึงคิว ถึงเวลา เพราะยังมีวิบากกรรมมาบังอยู่ หรือมีกรรมตัดรอนไว้ทำให้กรรมที่ทำร่วมกันมาถูกทำลายไป

กรรมตัดรอน หรือ อุปฆาตกรรม ที่พูดถึงนั้น หมายความว่า กรรมที่ให้ผลอย่างเด็ดขาดไปเลย เป็นกรรมที่ทำหน้าที่ฆ่ากรรมอื่นให้สิ้นสุดลงอย่างเด็ดขาด พลังอำนาจของ กรรมตัดรอน ก็มีสองอย่างเช่นเดียวกัน คือกรรมฝ่ายดี และกรรมฝ่ายชั่ว

มีหน้าที่ตัดกรรมฝ่ายตรงข้ามกับตนให้สิ้นสุดลงอย่างเด็ดขาด ซึ่งรุนแรงยิ่งกว่าพลังอำนาจของกรรมเบียดเบียน ในเรื่องของความรักอาจจะมีบุญร่วมกันมา แต่เมื่อมีกรรมตัดรอนที่มีแรงมากกว่ามาตัดมาดักหน้าไว้ก็ไม่อาจจะมาครองคู่กันได้

หรือจะเป็นด้วยกรรมบีบคั้นหรือที่เรียกกันว่า อุปปีฬกกรรม มาบีบคั้นในทางที่ไม่ดี หรืออาจจะเป็นเพราะกรรมใหม่ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมันไม่มีแรงพอ มันยังไม่เกิดผล มันยังเชื่อมกันยังไม่ติด เป็นไปได้หลายสาเหตุเพราะอำนาจแห่งกรรม

ในบางคู่อาจจะมีอาการวูบวาบบ้าง พอให้หัวใจเต้นระรัวกระชุ่มกระช่วยเล็กน้อย แล้วก็วูบดับไป โดยที่ใจและอารมณ์ไปจับเพียงเบาๆ ก็หลุดไปอย่างง่ายดาย เป็นเพียงกิเลสแบบบางเบา

แต่อย่างไรก็ตามไม่ต้องกลัวว่าจะแคล้วคลาดกัน ถ้าเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ แล้ว มีความปรารถนามาช่วยเป็นปัจจัยตัวช่วยเหลือผลักดัน เมื่อมันถึงเวลาแล้ว มีทั้งบุญเก่า บุญใหม่พร้อม ไม่มีวิบากกรรมมาคอยขัดขวาง

ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อให้อีกคนอยู่ขั้วโลกใต้ อีกคนอยู่ขั้วโลกเหนือ บุญและกรรมก็ยังลิขิตพามาเจอกันได้

ต่อให้ได้แต่งงานมาแล้วเป็นสิบๆ ครั้งร้อยๆ ครั้ง ในชาตินี้ก็ยังมีโอกาสมาเจอ มาครองคู่กันอีก หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องรักข้ามขอบฟ้า หรือคนที่มาแต่งงานกันตอนแก่เฒ่าวัยชรา เรื่องทำนองนี้กันบ่อยๆ แต่อย่าให้ถึงขนาดระลึกชาติได้ไปอยู่กินกับสัตว์เลย

ชาตินี้บุญมันคนละชั้นกันและเรื่องนี้คนทั่วไปเขารับไม่ได้ มันจะส่งผลต่อการใช้ชีวิตร่วมกันในสังคมมนุษย์











ด้วยเหตุนี้ เจ้านายชนชั้นสูงในสมัยล้านนาโบราณ จึงให้คุณค่าและความสำคัญ กับเรื่องมหาเสน่ห์เมตตาเป็นอย่างยิ่ง ครูบาอาจารย์ด้านไสยเวทย์ จะปรุงน้ำมัน สีผึ้ง ว่านยามหาเสน่ห์ สร้างเครื่องรางคง เข้ม ข่าม ขลัง ด้านมหาเสน่ห์เมตตามหานิยม ไว้ให้ลูกหลาน ลูกศิษย์ ไว้บูชา เพื่อค้ำคูณพลังจิตกำลังใจหนุนดวงเสริมชะตา ให้ชีวิตดี ไร้อุปสรรค มีความสุข ทำสิ่งใดก็สำเร็จโดยง่าย เสริมราศีอำนาจวาสนา ให้ประสบความสำเร็จ ทั้งเรื่องครอบครัว ความรัก หน้าที่การงาน และความมั่งคั่งทางการเงิน 

ท่านว่า..ใครบูชาอิ่นถูกใช้อิ่นเป็น ผู้นั้นจะมีมหาอำนาจ มหาเสน่ห์เมตตามหานิยมในตนเองอย่างประมาณมิได้เลย ความรัก ความสุข เงินทอง ทรัพย์สิน ลาภยศ จะหลั่งไหลเข้ามามิขาด คิดสิ่งใด ปรารถนาสิ่งใด แม้ว่ายากเกินกำลัง สิ่งนั้นก็จะสำเร็จทุกประการแล !!!







"อิ่นเมตตาหลวง" เนื้อดินทราวดีโบราณ และดินอาถรรพ์จาก10สถานที่สวยงามคนนิยม ดิน10 ร้านอาหารขายดีมากคนนิยม มีมวลสารว่านมงคล ว่านยามหาเสน่ห์เมตตาครบสูตร แก้วโป่งข่ามรัตนชาติศักดิ์สิทธิ์บด 12 ชนิด กาฝาก9ชนิด กาฝากกาหลง-รักซ้อน-มะยม-มะรุม-มะขาม -ขนุน--ยอ-คูณ-พยูง (อานุภาพกาฝาก คือ ได้อะไรมาง่ายๆป้อนถึงปาก ชีวิตไม่ลำบาก มีมหาเสน่ห์ดึงดูดจิตผูกมัดใจผู้คน มีเมตตา มหานิยม มหาอำนาจ มั่งมีโชคลาภ ค้าขายดี แคล้วคลาด กันภัย*) และมวลสารอาถรรพ์ทนสิทธิ์อันเป็นความลับจากปั๊บสาตำราไสยเวทย์ล้านนาโบราณ
"อิ่นเมตตาหลวง" ปลุกเสก ปั้น เผา ร่ายเวทย์เรียกสูตรครบธาตุ "ดิน น้ำ ลม ไฟ " ปลุกคาถาแช่น้ำมันจันทร์หอมและว่านยามหาเสน่ห์ 108 อาบแสงจันทร์ 22 คืนเพ็ญ ร่ายมนต์เรียกสูตรปลุกอักขระด้วยวิชาเร้นลับจนเกิดวิญญานธาตุภายใน มีฤทธานุภาพด้านมหาเสน่ห์ เมตตา มหานิยม  มหาอำนาจ ดลบันดาลได้พันช่องพันเรื่อง ตามแต่อธิษฐาน




หมั่นสวดบูชาคาถาปลุกฤทธิ์อิ่น ค่ำเช้า ตั้งใจสวดกี่จบก็สวดตามนั้น (ยิ่งมากยิ่งดี) 
แต่จบสุดท้ายให้สวดแบบ"ปิดทวาร" แล้วจึงตั้งจิตตั้งใจอธิษฐาน



ปรารถนาสิ่งใดอย่างแรงกล้าให้เขียนกำกับไว้ แล้วใส่ไว้ในตัวอิ่น โดย..เขียนชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิดเจ้าของอิ่น และคำอธิษฐาน ใส่กระดาษเล็กๆ ม้วนบรรจุไว้ภายในตัวอิ่น ให้ขอทีละเรื่องทำทีละอย่าง ทุกครั้งที่สวดคาถา ให้สวดด้วยจิตอันประภัสสร สุข สว่าง สะอาด สงบ คิดถึงแต่ภาพที่ต้องการมี ต้องการได้ ต้องการเป็น พูดในถ้อยคำอันไพเราะอ่อนหวาน เป็นมงคล ไม่ด่าไม่สาปแช่งใคร

พกอิ่นติดตัวไว้เป็นสุดยอดเสน่ห์เมตตา คู่รักคู่สามีภรรยาให้สอดไว้ใต้เตียงนอนทุกค่ำคืนหลังสวดคาถาปลุกฤทธิ์อิ่น จะรักใคร่เมตตาถวิลหากันมิเสื่อมมิคลายเลย ยามเข้าตาจนหน้าสิ่วหน้าขวานหาทองออกไม่ได้ นำอิ่นออกมาสวดคาถาแบบปิดทวารแล้วอธิษฐาน ด้วยจิตนิ่งแน่วแน่เชื่อมั่นศรัทธา ปาฎิหาริย์จะบังเกิด!!!

▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
คุณต้องจำไว้ว่า
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬



ตัดกระดาษขนาดประมาณ 1.50 เซนติเมตร x 3 เซนติเมตร
เขียนชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด สองคู่รัก หากไม่ทราบวันเดือนปีเกิดเขาก็ให้เขียนแค่ ชื่อ นามสกุล เท่าที่รู้ และคำอธิษฐาน แล้วม้วนกระดาษใส่เข้าไปภายในตัวอิ่น 

***ณ ขณะที่ตัดกระดาษ ลงมือเขียนอักษร จิตใจต้องสงบนิ่ง จิตต้องประภัสสร สุข สว่าง สงบ สดใส มีความเบิกบาน มีความสุขในแบบที่เราต้องการมี ต้องการเป็นต้องการได้ ระลึกให้เห็นภาพเรากับคนที่เรารักอย่างมีความสุขใจ เบิกบาน มีความรักความเมตตาความปรารถนาดี ส่งไปถึงเขา ส่งความรักความเมตตาไปกระทบจิตเขา นึกให้เห็นภาพเขา หากยังมีความกังวล หม่นหมอง เศร้าใจ อย่าเพิ่งเขียนเด็ดขาด รอให้จิตสงบๆก่อนค่อยเริ่ม  จงจำไว้ว่า อิ่นจะดลบันดาลในสิ่งที่คุณ ทำ พูด คิด อธิษฐาน และแสดงออก.. อิ่นจะแยกแยะไม่ได้ ว่าอันไหนคุณบ่น คุณประชด และอันไหนคือคุณอยากได้จริงๆ

❌❌หากขอเรื่องอื่นๆ เช่นขอเงิน ของาน ก็คิดให้เห็นภาพว่าเรามีเงินจำนวนมากๆ ได้งานที่รักพอใจแล้วจริงๆ 
❌❌หากขอเรื่องค้าขาย ก็ให้นึกภาพที่เราต้องการให้เกิดขึ้น คนหลั่งไหลมาซื้อของเรามากมาย เงินทองกองล้น สินค้าขายดีมาก
❌❌หากขอให้หมดหนี้สิน ก็ให้นึกภาพเรามีเงินทองมากมาย งานดี เงินดี ค้าขายดี ชีวิตดีมีความสุข
❌❌หากขอให้ผู้ใหญ่เมตตา คู่ค้าคู่ความเอ็นดูเมตตาให้ประโยชน์โชคลาภ ก็ให้นึกถึงหน้าเขาด้วยจิตใจที่ดีงาม มีความรัก ความกรุณาปราณีเมตตาต่อเขา
💥 สวดแบบปิดทวารก่อนอธิษฐานทุกครั้ง❗️❗️
❌❌อย่าลืมว่า "ต้องกระทำ" ให้สอดคล้องกับสิ่งที่เราอธิษฐานด้วย ทั้งการกระทำ คำพูด ความคิด ไม่ใช่อธิษฐานให้ขายดีแล้วนอนเกาพุงฝันหวานรอ ต้องทำงาน มีมานะ วิริยะ อุตสาหะ ต้องคิดพัฒนาร้าน คิดพัฒนาสินค้า เตรียมพร้อมรับลูกค้ามากมาย และเงินก้อนใหญ่ เพื่อให้ปาฎิหาริย์เกิดและคำอธิษฐานเป็นจริง

การเขียนคำอธิษฐาน ถ้าไม่ใช่เรื่องความรัก ก็เขียนชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิดของเจ้าของอิ่น และคำอธิษฐาน 1 เรื่องที่สำคัญยิ่ง ต้องการด่วน ลงไป


คาถาปลุกฤทธิ์ "อิ่น" คือ "คาถาสีผึ้งนางมัทรี" ท่องจำให้ได้ขึ้นใจห้ามอ่าน!! หมั่นสวดคาถาปลุกฤทธิ์อิ่นเช้า-ค่ำ กี่จบก็ได้สวดตามกำลังใจ มากจบยิ่งดี อิ่นคู่ใดเจ้าของหมั่นปลุกฤทธิ์ปลุกธาตุร่ายคาถา อิ่นคู่นั้นจะยิ่งศักดิ์สิทธิ์มีฤทธิ์อิทธิคุณสูงยิ่งนักฯ. การหมั่นสวดคาถา คือการเชื่อมจิต เชื่อมบุญถึงครูบาอาจารย์ ขออำนาจบุญบารมีท่านมาเสริมกำลังบุญหนุนดวงชะตา ค้ำคูณเรา และเป็นการรวมจิตให้นิ่งมีกำลัง เพื่อทุกคำอธิษฐานจะสำเร็จ สัมฤทธิ์ผลเป็นจริงในเร็ววัน

"คาถาสีผึ้งนางมัทรี" สวดปลุกอิ่น ไม่ต้องว่า นะโมก่อน เพราะเนื้อคาถาเป็นเรื่องทางโลก ให้ว่าคาถาเลย เมื่อท่านบูชาอิ่น จงเข้าใจเคล็ดลับไสยเวทย์แห่งอิ่นด้วยว่า อิ่นคือความรัก ความเมตตา กรุณาปราณี อิ่นทำให้คนรักกัน เมื่ออยากได้ความรัก จงให้ความรักก่อน อิ่นดลบันดาลความมั่งคั่ง ลาภ ยศ เงินทอง ความสำเร็จ ท่านก็จงเป็นผู้หมั่นทำทาน รักษาศีลเป็นนิตย์ อิ่นมีฤทธิ์ทางมหาเสน่ห์เมตตา มหานิยม ท่านก็จงเป็นผู้มีจิตใจงามวาจาอ่อนหวาน พูดถ้อยคำมงคลอยู่เสมอ เพียงทำได้ดั่งนี้ "อิ่นเมตตาหลวง" ก็จะมีอำนาจดลบันดาลได้ดั่งแก้วสารพัดนึก 

"อิ่นเมตตาหลวง" คือจิตใจอันเมตตากรุณามีไมตรีจิต จิตเมตตากรุณาทำสิ่งใดย่อมสำเร็จ เป็นมหานิยม อุดมโชคลาภ "อิ่น"แทนกำเนิดทุกสิ่ง สัตว์ ภูติ เทวดา มาร พรหมล้วนเคยเกิดในโลก คนใช้อิ่นในทางชั่ว ย่อมมัวหมองบาปกรรมย่อมตามสนอง บาปกรรมจองเวรตามไปทุกชาติภพ " อิ่น " เป็นตัวช่วยในเรื่องโลกๆ ที่ยังต้องกินต้องใช้ไม่ผิดศีลไม่ผิดธรรม ไม่ใช่เอาไปผิดศีล ทำร้ายทำลายกดข่มผู้อื่น ทุกศาสตร์ย่อมมีความหมาย ทุกความหมายย่อมพ้นความงมงายด้วยปัญญา คนดีจึงใช้ของดี ของดีย่อมทำลายใจอกุศล คำสาปวิชาจึงมีไว้ ผู้ทำกรรมเช่นใดย่อมได้รับผลเช่นนั้น

อิ่นหรือรูปชายหญิงกอดกัน แสดงการกำเนิดแห่งสันตติในสมดุลรูปนาม แทนการตื่นรู้ด้วยเมตตากรุณาต่อสรรพชีวิต เป็นการกำเนิดแห่งอวิชชาที่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า #ภพชาติเป็นสิ่งฝึกฝนวิริยะในการตื่นรู้ให้ตื่นจากความหลงความโลภความโกรธ จิตจึงเป็นอิสระ จากเครื่องผูกมัดกายใจ ลด ละ อัตตา เชื่อมโยงจิตวิญญานความรัก ความศรัทธา ด้วยความรัก ความเมตตา ความศรัทธา และความเคารพซึ่งกันและกัน ให้จิตตื่นรื่นเริงยินดีในการให้ มีความรัก ความเมตตา การให้อภัย อ่อนน้อม อ่อนโยน อ่อนหวาน อันเป็นสุดยอดแห่งเสน่ห์ เมตตามหานิยม ที่มีอำนาจมหาศาลในการดลบันดาลทุกๆ สิ่งให้สมใจปรารถนา


อิ่นมหาเสน่ห์อันดับหนึ่งเบญจภาคีเครื่องรางล้านนานี้ เล่าขานกันว่า..อิ่นเป็นเครื่องรางชั้นสูง บ้านใดมีอิ่นไว้ในบ้านๆนั้นก็จะมีแต่ความรักไม่มีเรื่องให้ทะเลาะหรือผิดใจกัน เป็นเครื่องรางที่ควรมีติดกาย ติดบ้านเรือน ติดห้องนอนห้องหอ ชนชั้นสูง เจ้าขุนมูลนาย จะหวงแหนกันมาก จะมอบอิ่นอันศักดิ์สิทธิ์ของพ่อแม่ไว้ให้ลูกหลานในวันแต่งงาน และเป็นของขวัญสูงค่าที่คนรักจะมอบให้แก่กันและกัน 
อิ่นเป็นเครื่องหมายแห่งความรัก แรงมากในด้านมหานิยมมหาเสน่ห์ต่อเพศตรงข้าม เป็นที่หนึ่งด้านมหาเสน่ห์ มหานิยม ช่วยในเรื่องการเจรจาค้าขาย เข้าหาเจ้านาย เป็นที่รักของคนและเทวดา รวมไปถึง แคล้วคลาดปลอดภัย มีอำนาจดลบันดาลพันช่องพันประการ กันภูตผีปีศาจ แม้แต่เทวดาอยู่บนชั้นฟ้า ยังต้องลงมาปกปักรักษาดูแลผู้ที่มีอิ่นไว้ครอบครอง


อิ่นเมตตาหลวงนี้ มีฤทธิ์ทางใจ ออกฤทธิ์ทางวาจาการเจรจา ทำให้คนทั้งหลายเมตตารักใคร่ บังเกิดเมตตามหานิยม ใครเห็นก็รัก จากไปก็อาลัยคิดถึง เจรจาสิ่งใดก็น่าเชื่อถือ เข้ามาอุดหนุนแล้วก็อยากเวียนมาอีก ทั้งหมดนี้เป็นไปด้วยแรงเมตตา โชคลาภหลั่งไหล หนุนดวงเสริมวาสนาบารมี ก่อนจะใช้ .. ให้ตั้งจิตแน่วแน่ สวดคาถาปลุกฤทธิ์อิ่น .. แล้วอธิษฐานใช้ตามความปรารถนาใช้ได้ครบทุกๆ ด้าน เพียงแต่ว่าเจตนาของผู้ใช้ จะประสงค์สิ่งใด สำคัญ!! อยู่ที่จิต ขอให้จิตนิ่งแน่วแน่ ระลึกถึงครูบาอาจารย์ อยู่ในศีลธรรมคุณงามความดี ก็จะสำเร็จได้ดั่งอัศจรรย์ !!!




ผู้ใดมีอิ่นไว้ติดตัวย่อมมีอำนาจเหนือจิตใจของเพศตรงข้าม มีอำนาจในทางดึงดูดเพศตรงข้าม ทำให้เพศตรงข้ามคิดถึงตัวเราเสมอๆ เกิดความรักความต้องการที่จะใกล้ชิด อิ่นเมตตาหลวงเป็นเครื่องรางที่ดลบันดาลความรัก ความผูกพัน หากใครที่อยากมีความรักและอยากให้เขาก็รักเราเช่นกันก็ให้บูชาติดกายไว้หมั่นสวดปลุกฤทธิ์อิ่น ท่านว่าจะได้สมดั่งใจแลฯ

คนที่มีคู่อยู่แล้ว คู่เหินห่างไม่ค่อยใยดี ท่านว่าให้นำอิ่นเมตตาหลวง พกติดตัวทำการอธิษฐานต่ออิ่น ไม่ช้าไม่นานคู่รักจะคืนดีด้วยอย่างน่าอัศจรรย์ คู่สามีภรรยาที่แตกแยกกัน สามีนอกใจภรรยา ภรรยานอกใจสามี จะกลับมารักใคร่กลมเกลียวกัน ส่วนคู่ที่รักกันอยู่แล้วก็จะรักยิ่งๆ ขึ้นไป ผูกจิตให้รักผูกใจให้คิดถึงคะนึงหามิรู้ลืม มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น ให้บังเกิดความเมตตารักใคร่















ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น